Wednesday, March 31, 2010

คัดแอดมิชชั่น มติทปอ. ใช้เกณฑ์เดิม

คัดแอดมิชชั่น มติทปอ. ใช้เกณฑ์เดิม

ทปอ. ยัน ใช้เกณฑ์เดิมคัดแอดมิชชั่นปี 53-54 ไฟเขียวเฉพาะนักเรียน ม.6 สอบ GAT-PAT ปีละ 3 หน เผย ให้สอบเดือน ก.ค. หวังช่วยมหาวิทยาลัยภูมิภาครับตรง ลดภาระเด็ก ...จากการประชุมที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย วันนี้ (31 ต.ค.) ที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะประธาน ทปอ. เผย ภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมมีมติให้ใช้หลักเกณฑ์เดิมในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาในนระบบแอดมิชชั่น ปีการศึกษา 2553 และ 2554 เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน โดยประกอบด้วย คะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรหรือจีพีเอเอ็กซ์ 20% คะแนนแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐานหรือโอเน็ต 30% คะแนนแบบวัดความถนัดทั่วไป หรือ GAT จำนวน 10-50% คะแนนแบบวัดความถนัดวิชาการ/วิชาชีพหรือ PAT จำนวน 0-40% โดยจะไม่เพ่ิมการสอบ PAT ใดๆ ทั้ง PAT 2 ความถนัดทางวิทยาศาสตร์ และ PAT 6 ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์  ส่วนการสอบ GAT-PAT มีมติให้นักเรียน ม.6 เท่านั้นที่จะสอบได้ และ สอบได้ปีละ 3 ครั้ง คือ เดือน ก.ค. ต.ค.และ มี.ค. ในปีถัดไป และเก็บคะแนนไว้ได้ 2 ปี ส่วนข้อเสนอให้ใช้คะแนนดิบหรือคะแนนมาตรฐานนั้น ในปี 2553 จะใช้คะแนนดิบตามเดิม ส่วนปี  2554 ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะรองประธาน ทปอ. กล่าวว่า ที่ประชุม ทปอ. หารือกันมากถึงข้อเสนอของกลุ่มคณะวิชาต่างๆ ที่เสนอให้มีการเพ่ิม  PAT ต่างๆ  แต่สุดท้าย ก็มีมติไม่เพ่ิม PAT เพื่อไม่ให้เด็กต้องสอบมากเกินไป ทั้งเห็นว่าปัญหาของคณะวิทยาศาสตร์ ไม่ได้อยู่ที่การสอบคัดเลือก แต่อยู่ที่ค่านิยมของเด็กที่ไม่สนใจเรียนด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นปัญหาระดับชาติ ที่ทุกฝ่ายพยายามแก้ไข โดยจะต้องจูงใจให้เด็กมาเรียนวิทยาศาสตร์มากขึ้น เช่น ให้ทุนเรียนถึงปริญญาเอก และ วางเส้นทางการพัฒนาอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ให้เด็กเห็นเส้นทางของอาชีพนี้ ด้าน รศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี ประธานคณะทำงานแอดมิชชั่น กล่าวว่า เดิมคณะทำงานเสนอให้สอบ GAT-PAT ปีละ 2 ครั้ง คือ เดือน ต.ค.และ มี.ค.ในปีถัดไป แต่ที่ต้องเพ่ิมการสอบเดือน ก.ค. เพื่อรองรับระบบการรับตรงของมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด ซึ่งเราไม่ต้องการให้มหาวิทยาลัยออกข้อสอบเอง และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับเด็กและผู้ปกครอง  


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

10ขวบคว้าแชมป์โลกโกคาร์ทรุ่นจิ๋ว

10ขวบคว้าแชมป์โลกโกคาร์ทรุ่นจิ๋ว



คมชัดลึก : ด้วยวัยเพียง 10 ขวบ เด็กนักเรียนชายชั้น ป.4 ต้องทุ่มเทอย่างหนักกว่าจะได้แชมป์โลกโกคาร์ทรุ่นจิ๋วมาครอง เขาต้องลงซ้อมขับรถในสนามวันละไม่ต่ำกว่าร้อยรอบ ไหนจะต้องเรียนให้ทันเพื่อนๆ อีก สุดท้ายฝันของเขาก็เป็นจริง






 เมื่ออยู่ภายใต้เครื่องแบบนักเรียน เด็กชายวัย 10 ขวบคนนี้ดูไม่แตกต่างไปจากเด็กชายทั่วๆ ไป แต่ในขณะที่เด็กคนอื่นใช้เวลาหมดไปกับการเล่นสนุกและเรียนหนังสือ ทว่าเด็กคนนี้กลับใช้เวลาว่างไปกับการซ้อมขับรถโกคาร์ทวันแล้ววันเล่าวันละไม่ต่ำกว่า 100 รอบ หลังจากนั้นก็ต้องมานั่งอ่านหนังสือ เพื่อเรียนให้ทันเพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเดินไปให้ถึงฝั่งฝันแห่งความสำเร็จบนเส้นทางสายนี้นั่นเอง
 "ศศกร ไชยมงคล" หรือน้องคัทเตอร์ วัย 10 ขวบ นักเรียนชั้น ป.4 ร.ร.สารสาสน์วิเทศน์ร่มเกล้า คือ เด็กชายที่กำลังเอ่ยถึง จุดเริ่มต้นของการเป็นนักแข่งโกคาร์ทรุ่นจิ๋วเกิดขึ้นตอน 5 ขวบ ขณะไปเที่ยวที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี มีสนามรถโกคาร์ทสำหรับเด็ก คัทเตอร์สนใจขึ้นไปลองขับ ความสนุกสนานแสดงออกมาในลักษณะชื่นชอบมากจน  "พชร ไชยมงคล" ผู้เป็นพ่อมองเห็นได้อย่างชัดเจน กลับมาพ่อจึงไปหาซื้อรถโกคาร์ทมาให้เป็นของขวัญวันเกิด ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคัทเตอร์ก็นำรถคันเก่งไปฝึกซ้อมที่สนามบีอาร์ซี หลังศูนย์การค้าซีคอนสแควร์เป็นประจำ
 "ตอนขับครั้งแรกหลังจากได้รถรู้สึกกลัวนิดหน่อยครับ แต่ก็รู้สึกดี สนุก ตื่นเต้นมาก ผมมีความสุขกับการได้ขับมัน" คัทเตอร์บอกยิ้มๆ
 หลังจากลงซ้อมได้ 1 เดือน คัทเตอร์ก็มีโอกาสลงประลองความเร็วเป็นรายการแรก โดยศูนย์การค้าซีคอนสแควร์จัดแข่งโกคาร์ท คัทเตอร์ลงสมัครพร้อมกับนักแข่งรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ส่วนใหญ่จะอายุมากกว่า รวม 8 คัน ปรากฏว่าเขาคว้ารางวัลรองชนะเลิศมาครองได้สำเร็จ นับจากนั้นเป็นต้นมาครอบครัวไชยมงคลก็ให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง ตระเวนลงแข่งอีกหลายรายการตลอด 1 ปี จนฉายแววเข้าตาทีมแม็กซิมา มอเตอร์สปอร์ต (Maxima Motorsport) เป็นผู้สนับสนุนหลักจนถึงปัจจุบัน
 ก่อนลงแข่งขันทุกรายการคัทเตอร์จะฝึกซ้อมอย่างหนัก โดยในแต่ละวันจะลงซ้อมในสนามวันละกว่า 100 รอบขึ้นไป บ้างก็ซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม บ้างก็ซ้อมคนเดียว เพราะเพื่อนติดเรียน ด้วยความทุ่มเทอย่างหนักนี่เองทำให้สามารถกวาดถ้วยรางวัลชนะเลิศมาจนเต็มบ้าน ก่อนจะโกอินเตอร์ออกไปแข่งนอกประเทศ เช่น ไปแข่งที่มาเก๊ามาแล้ว 4 ครั้ง และครั้งล่าสุดไปแข่งในรายการเวิลด์ ไฟนอล ร็อค คลับ 2009 เมื่อวันที่ 21-25 ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ สนามเซาท์การ์ตา เมืองเลนาโต ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ในรุ่นมินิร็อค (MiniRok) แล้วก็สามารถคว้าแชมป์โลกรุ่นจิ๋วมาครองได้สำเร็จ
 "เขาจะคัดแชมป์แต่ละประเทศไป 60 คัน แข่งแล้วคัดออกเรื่อยๆ จนถึงรอบสุดท้าย มีคนไทยไปแข่งในรายการนี้ 2 คน แล้วผมก็ได้แชมป์กลับมา ภูมิใจมากครับ" คัทเตอร์เล่าอารมณ์ดี
 ด้วยความที่อายุต่ำกว่าเกณฑ์หลายรายการคัทเตอร์ต้องทำเรื่องขออนุญาตร่วมลงแข่งขัน เพราะบางรายการจะมีการกำหนดอายุไว้ชัดเจน แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคสำคัญ อย่างไรก็ดีความเร็วกับอุบัติเหตุมักเป็นของคู่กัน คัทเตอร์เองก็เคยประสบอุบัติเหตุมาครั้งหนึ่ง ขณะลงแข่งขันที่มาเก๊า มีนักแข่งอีกคนขับมาชนจนรถกระเด็นไปกระแทกขอบรั้วกั้น ซึ่งเป็นยางรถยนต์แล้วกระดอนกลับมาในสนามได้อีกครั้ง คัทเตอร์ไม่เป็นอะไรมากไปกว่ารอยฟกช้ำดำเขียวหลังแข่งขัน แต่สิ่งที่ทำให้เด็กน้อยวัย 10 ขวบต้องหยุดขับโกคาร์ทไปนานถึง 8 เดือนกลับไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นโรคไตโรคประจำตัวที่เป็นมาตั้งแต่อายุ 4 ขวบ
 "ปี 2551 ผมหยุดแข่งไปรักษาโรคไตราวๆ 8 เดือน ตอนนั้นอยากกลับมาแข่งมากๆ เลยครับ" คัทเตอร์ กล่าวเสียงละห้อย
 เนื่องจากยังเรียนหนังสืออยู่ เวลาไปแข่งขันหลายครั้งจึงต้องลาหยุดบ่อยๆ ทำให้คัทเตอร์เรียนช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆ จึงต้องขยันอ่านหนังสือเพิ่มเป็น 2 เท่า เพื่อตามเพื่อนให้ทัน ทั้งเรียนและซ้อมอย่างหนักจนแทบไม่มีเวลาพัก "คม ชัด ลึก" ถามว่าจะทำอย่างนี้ต่อไปจนถึงเมื่อไร คัทเตอร์ตอบทันทีทันใด ตราบใดที่ยังมีคนให้การสนับสนุนก็จะขับต่อไปเรื่อยๆ เพราะเป็นสิ่งที่ฝันไว้ตั้งแต่เด็ก มีบ้างบางเวลาที่วอกแวกอยากจะเป็นนักฟุตบอล แต่ถ้าให้เลือกระหว่างฟุตบอลกับโกคาร์ทก็ต้องเลือกโกคาร์ท เพราะเดินมาถึงขนาดนี้แล้ว
 ด้วยความที่เริ่มแข่งตั้งแต่อายุน้อยกว่าคนอื่น ทำให้เพื่อนที่ขับมาพร้อมๆ กันตอนนี้ทยอยเลื่อนรุ่นกันไปเกือบหมดแล้ว กระทั่งเพื่อนๆ อดกระเซ้าเย้าแหย่ไม่ได้ว่า ทำไมไม่เลื่อนรุ่นสักที เพราะได้รางวัลชนะเลิศมาก็เยอะแล้ว
 "เวลาขับจะนึกถึงรางวัลชนะเลิศ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะกีฬาต้องมีแพ้มีชนะ แพ้มาก็ผิดหวังบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่ตอนนี้ชินแล้ว" คัทเตอร์กล่าวทิ้งท้าย
 ด้าน "พชร ไชยมงคล" พ่อน้องคัทเตอร์ บอกว่า แรกๆ ก็เป็นห่วง แต่เห็นว่าการแข่งขันโกคาร์ทมีระบบเซฟตี้ดีพอสมควร ประกอบกับคัทเตอร์มีทักษะการขับขี่ที่ดีเลยไม่ห่วงมาก เวลาได้แชมป์ก็ดีใจที่ลูกทำได้ ไปแข่งทีไรก็ได้ถ้วยรางวัลกลับบ้านตลอด เพราะเขาตั้งใจซ้อมมาก แรกๆ หมดค่าใช้จ่ายไปเยอะ ทั้งค่าสมัครและค่าฝึกซ้อม เวลาได้รางวัลชนะเลิศกลับมาก็ได้แต่ถ้วย ไม่มีเงิน อย่างรายการเวิลด์ ไฟนอล ร็อค คลับ 2009 ที่ประเทศอิตาลี ได้แชมป์มาก็ได้แต่ถ้วยรางวัลและหนังสือ Tkart ตลอดปี 12 เล่ม
 "สำหรับอนาคตของลูกชายคงแล้วแต่เขา จะคอยถามตลอดว่ายังชอบขับรถอยู่ไหม เขาก็บอกว่ายังชอบอยู่ ถ้าขับรถแล้วมันไม่มีใจก็ไม่ได้ เพราะต้องซ้อมเยอะขนาดนั้น เราก็เข้าใจว่าช่วงเวลาเด็กที่ควรจะเล่นสนุกของเขาหายไป บางทีเวลาไปห้างสรรพสินค้าไปเจอของเล่นที่เขาไม่เคยได้เล่นตอนเด็ก เขาจะสนใจเป็นพิเศษ เหมือนเวลาที่เขาต้องเล่นแบบนี้มันหายไป" พ่อน้องคัทเตอร์ กล่าว
 จากของขวัญวันเกิดที่พ่อซื้อให้ในวัย 5 ขวบ กลายเป็นแรงผลักดันทำให้เด็กชายคนนี้ พร้อมเดินหน้าไปสู่เป้าหมายและความฝันในวัยเด็ก คือ ตำแหน่งแชมป์โลกในรุ่นต่อๆ ไป
 








ข่าวที่เกี่ยวข้องทม.ป่าตองรุกแก้จราจรเมืองแออัด
จัดงบ40ล.ศึกษา-ผุดอุโมงค์เชื่อมกะทู้

พีทีที มอเตอร์ สปอร์ตแลนด์"เบสิกขับแข่งเริ่มต้นที่นี่"เสิร์ฟข่าวเม้าท์แตก (พฤหัสบดีที่ 28 พ.ค.52)
เสิร์ฟข่าวเม้าท์แตก (พุธที่ 27 พ.ค.52)เสิร์ฟข่าวเม้าท์แตก (พุธที่ 13 พ.ค.52)



NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

นายกฯไฟเขียว ปลัดสธ. ตั้งทีมลุยไทยเข้มแข็ง

นายกฯไฟเขียว ปลัดสธ. ตั้งทีมลุยไทยเข้มแข็ง

นพ.ไพจิตร์ วราชิตปลัด สธ. เผย นายกฯ ไฟเขียวให้เดินหน้าโครงการไทยเข้มแข็งต่อ พร้อมตั้งทีมที่ปรึกษา  มาร่วมให้คำปรึกษา ด้าน บรรหาร อุ้ม ปลัดสธ. ไม่เกี่ยวทุจริตไทยเข้มแข็ง เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ว่า วัตถุประสงค์หลักของการเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อรับทราบนโยบายโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อประชาชนและบุคลากรสาธารณสุขที่ยังขาดแคลน เครื่องมือ โครงสร้างอาคารต่างๆ  นายกรัฐมนตรีได้ย้ำนโยบายชัดเจนว่าอะไรที่เหมาะสมทั้งรายการและราคาก็ให้เดินหน้าต่อไป รายการไหนไม่เหมาะสมก็ให้ตัดทิ้ง รายการที่เหมาะสมแต่ราคาสูงก็ให้ปรับลดราคาลง หลักกการก็ยังคงให้เดินหน้าโครงการต่อไป ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อว่า ในวันที่ 4 ม.ค.นี้ จะเรียกประชุมข้าราชการระดับปลัด รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้เกี่ยวข้องเพื่อหารือถึงการดำเนินโครงการต่อไป โดยตนจะกำกับโครงการเองและจะจัดตั้งทีมที่ปรึกษา เป็นบุคคลในแวดวงสาธารณสุขที่มีความรู้ความสามารถและเป็นที่ยอมรับต่อสังคมมาร่วมให้คำปรึกษา แนะนำเพื่อให้โครงการดำเนินไปด้วยความโปร่งใส ขณะนี้ได้คิดและพยายามทาบทามผู้ที่จะมาร่วมเป็นทีมที่ปรึกษาไว้แล้ว และคงนำเรียนปรึกษานายกรัฐมนตรี อ ยืนยันว่าจะดำเนินการทุกอย่างโปร่งใสและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุดด้าน นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงผลสอบการทุจริตโครงการไทยเข็มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขที่มีนักการเมืองและข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตว่า รู้สึกเห็นใจข้าราชการ เพราะงบโครงการไทยเข้มแข็งเป็นงบเร่งด่วน ที่ต้องเสนอให้เสร็จภายใน 7-10 วัน ทุกกระทรวงต้องเร่งรีบ ทำให้ปลัดกระทรวง อธิบดี ไม่สามารถลงไปดูรายละเอียดได้ เพราะมีเป็นหมื่นรายการ ความรอบคอบจึงหายาก ไม่เหมือนกับการพิจารณางบประมาณประจำปีที่ใช้เวลาพิจารณานาน จึงต้องให้ความเป็นธรรมแก่ข้าราชการบ้าง เช่น เรื่องคุรุภัณฑ์ ก็ต้องไปดูว่ายี่ห้ออะไร เพราะแต่ละยี่ห้อมีส่วนประกอบไม่เหมือนกัน จึงอยากให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการ อย่าเพิ่งไปกล่าวหาเขา เช่น ปลัดกระทรวงสาธารณสุขดูแล้วไม่ได้ทำผิดอะไรเลย เพราะในช่วงเกิดปัญหาเป็นรองปลัดกระทรวง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ แต่ถูกกล่าวหาบกพร่องมันก็ไม่ชัดเจน เมื่อถามว่า คนที่มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขควรมีคุณสมบัติอย่างไร นายบรรหารกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขวุ่นวายมาทุกสมัย ใครมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องเอาใจข้าราชการ และดูว่าความถูกต้องเป็นอย่างไร คิดว่าโครงสร้างต้องมีการผ่าตัดกันใหม่ เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแทน นายบรรหารกล่าวว่า นายจุรินทร์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการดีแล้ว เพราะกระทรวงศึกษาธิการมีปัญหามากต่อข้อถามว่า หากให้พรรคชาติไทยพัฒนามาดูกระทรวงสาธารณสุข จะเอาหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า ถ้าให้ตนเป็นรัฐมนตรีเองก็เอา แต่ต้องไปแก้ปลดล็อค 5 ปีของตนก่อน ก็จะยอมแลกเพราะมั่นใจว่า แก้ปัญหาได้


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

มศวหนุนพยาบาลคืนถิ่นเปิดโครงการนำร่องพื้นที่

มศวหนุนพยาบาลคืนถิ่นเปิดโครงการนำร่องพื้นที่



คมชัดลึก : ผศ.อำนาจ เย็นสบาย รองอธิการบดีฝ่ายเครือข่ายการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า มศว ได้จัดตั้งวิทยาลัยโพธิวิชชาลัย แม่สอด มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) จ.ตาก ผลิตบัณฑิตคืนถิ่น ในสาขาการจัดการภูมิสารสนเทศ






และจัดตั้งโรงเรียนสาธิตชุมชนการเรียนรู้ “สมเด็จย่า” โพธิวิชาลัย มศว แม่แจ่ม เป็นโรงเรียนสาธิตต้นแบบที่เน้นการเรียนการสอนโดยหลักคิดปรัชญาพอเพียง แตกต่างจากโรงเรียนสาธิตอื่นๆ ที่มีอยู่ และโครงการความร่วมมือผลิตบัณฑิตสาขาพยาบาลศาสตร์เพื่อพัฒนาสุขภาพชุมชนอย่างยั่งยืนทำความร่วมมือกับ จ.สระแก้ว เพื่อผลิตบัณฑิตคืนถิ่น
 ที่ผ่านมาทางจังหวัดเห็นความก้าวหน้าในการจัดตั้งโพธิวิชชาลัย ณ จ.สระแก้ว ร่วมมือกับ มศว เพื่อผลิตบัณฑิตคืนถิ่นในสาขาพยาบาล ต้องการแก้ปัญหาการขาดแคลนพยาบาลในจังหวัดและสร้างความยั่งยืนด้วยการดูแลรักษาสุขภาพผู้ป่วยอย่างยั่งยืน โดยรับนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเข้าเรียนรุ่นละประมาณ 30 คน พร้อมทั้งให้ทุนการศึกษาผ่านทางจังหวัดและองค์การบริหารส่วนตำบล 3 โครงการ โดยนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษา ให้การสนับสนุน
 “มศว ต้องการให้โครงการบริการวิชาการทั้งหมดที่เน้นการศึกษาเป็นโครงการนำร่องเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้จังหวัดอื่นต่อไป หวังว่าสถาบันการศึกษาที่อยู่ในจังหวัดต่างๆ จะเห็นต้นแบบที่ มศว ดำเนินการและเกิดแรงบันดาลใจอยากทำโครงการความร่วมมือกับทางจังหวัด หรือองค์การบริหารส่วนอำเภอ องค์การบริหารส่วนตำบลต่อไป" ผศ.อำนาจ กล่าว








ข่าวที่เกี่ยวข้อง-มศว นิสิตเพชรในตมแนะพ่อแม่ไม่ซื้อของปีใหม่ตามใจลูกเลือกสิ่งจำเป็นฝึกเด็กรู้คุณค่าของเงิน-มรภ.สงขลาอบรมคอมพ์ แบ่งปันการเรียนรู้ประจำวันที่26ธ.ค.คมเคียวคมปากกา-ไอดินกลิ่นดาว

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ปั้นแต่งโมเสกผลิตภัณฑ์ศิลป์ของฝากฝีมือครูเบ็ญจมาภรณ์

ปั้นแต่งโมเสกผลิตภัณฑ์ศิลป์ของฝากฝีมือครูเบ็ญจมาภรณ์



คมชัดลึก : เข้าสู่ปลายปีก็ใกล้เทศกาลมอบของขวัญปีใหม่ "งานประดิษฐ์ เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่ขายดี อย่างงานปั้นแต่งโมเสค ฝีมือ "เบ็ญจมาภรณ์ สุพิมพ์" คุณครูวัย 51 ปี จาก จ.ร้อยเอ็ด ที่ประณีต สวยงาม สไตล์แปลกใหม่ ซึ่งเหมาะจะมอบเป็นของฝาก ของขวัญ ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้






 ครูเบ็ญจมาภรณ์ แห่ง ร.ร.อาจสามารถวิทยา ต.อาจสามารถ อ.อาจสามารถ วัย 51 ปี เจ้าของผลงานประดิษฐ์จากโมเสก ซึ่งทำมากว่า 2 ปีเล่าว่า รับราชการครู สอนวิชางานพื้นฐานอาชีพ ด้วยชอบงานประดิษฐ์บวกกับเห็นตามบ้าน วัด ฝาผนัง หรือโต๊ะหินอ่อนที่เป็นงานกระเบื้องโมเสกมีลวดลายสวยงาม จึงคิดว่ากระเบื้องนี้น่าจะประดิษฐ์เป็นอย่างอื่นได้ จึงได้หาอุปกรณ์มาทดลองทำกับสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้าน เมื่อเพื่อนเห็นผลงานแล้วชอบจึงแนะนำให้ทำขาย จึงเริ่มทำเมื่อปี 2549 เป็นต้นมา
 "ขายครั้งแรกที่ตลาดคลองถมใน จ.ร้อยเอ็ด จากนั้นจึงมาขายที่ตลาดนัดหน้า ม.ราชภัฏมหาสารคาม เพราะเห็นว่าเป็นย่านสถานศึกษาน่าจะมีลูกค้ากลุ่มใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ทุกวันนี้ขายทุกวันพุธที่หน้า ม.ราชภัฏมหาสารคาม เพียงแห่งเดียว"
 สำหรับรูปแบบและลวดลายนั้น ครูเบ็ญจมาภรณ์ เล่าว่า ให้ลูกชายซึ่งศึกษาอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์เป็นคนออกแบบให้ จากนั้นตนเองจะเป็นคนประดิษฐ์ ซึ่งทำง่าย ต้นทุนต่ำ แถมขายได้ราคาดี แต่เนื่องจากต้องใช้เวลาว่างจากการสอน และเป็นงานที่ทำด้วยมือจึงทำให้บางครั้งสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า สำหรับราคาวัสดุอุปกรณ์นั้นจะแตกต่างกันไปตามรูปแบบ สำหรับแบบที่ขายเป็นกิโลกรัมนั้น ราคา 200-500 บาท ส่วนโมเสกแบบหลอดราคาหลอดละ 95 บาท (แบบด้าน) และราคา 125-145 (แบบเลื่อม ฝังมุก)
 "งานโมเสกเป็นงานที่ทำต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าอื่นๆ ได้ เช่น กล่องใส่ทิชชูที่เรียบๆ ธรรมดา ถ้าใช้เทคนิคการทำโมเสกตกแต่งเข้าไป กล่องทิชชูนั้นก็จะมีราคาเพิ่มขึ้นมาทันที ผลิตภัณฑ์ที่เราทำมีหลายรูปแบบ ทั้งที่ติดตู้เย็น กรอบรูป กล่องใส่ของนาฬิกา ที่แขวนผนัง และอื่นๆ โดยราคาเริ่มต้นที่ 59 บาท ถึง 1,300 บาท ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามขนาด และความยากง่ายตามลวดลายของชิ้นงาน"
  อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ต้องการนำไปทำเอง ครูเบ็ญจมาภรณ์ บอกว่า ร้านมีชุดอุปกรณ์ให้นำกลับไปทำที่บ้านได้ โดยลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความต้องการ พร้อมมีวิธีทำ แบบและลายต่างๆ ให้มากมาย ทั้งนี้ รายได้ขั้นต่ำหากทำเต็มวัน ครูเบ็ญจมาภรณ์บอกว่า เฉลี่ยวันละ1,000 บาท แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่นิยมซื้อสินค้าไปเป็นของฝาก และสำหรับผู้ที่ต้องการแบบหรือสไตล์ที่แตกต่างออกไป เธอก็รับสั่งทำตามออเดอร์ด้วย 
 สำหรับผู้ที่สนใจงานประดิษฐ์จาก “โมเสก” ของครูเบ็ญจมาภรณ์ ติดต่อได้ที่บ้านเลขที่ 218 ถ.รณชัยชาญยุทธ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด 45000 หรือโทร. 08-3140-9338 










NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ทิศทางเกษตรไทยในปีเสือเตรียมรับกับสารพัดปัญหา

ทิศทางเกษตรไทยในปีเสือเตรียมรับกับสารพัดปัญหา



คมชัดลึก :ประเทศไทยไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในโลกย่อมส่งผลกระทบมาถึงเราด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรวมไปถึงการเกษตรของเมืองไทยเราด้วย






โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก ถ้าเราอยากรู้ว่าในปีใหม่นี้สถานการณ์การเกษตรของเราจะเป็นอย่างไร คงจะคาดเดาได้ยากเพราะว่ามีปัจจัยภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องมาก รวมทั้งความไม่แน่นอนของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะส่งผลให้ผลผลิตของโลกเปลี่ยนไป หากเราโชคดีที่ประเทศอื่นเกิดความเสียหาย
บังเอิญเรามีผลผลิตดี ก็เป็นโอกาสของเราในการครอบครองตลาด แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าอากาศดีไปทั่วโลก ผลผลิตก็ย่อมล้นตลาด และเราก็คงขายของได้ยากขึ้นเพราะว่ามีคู่แข่งมากขึ้น เป็นต้น
ดังนั้นการที่จะหวังโอกาสแบบนี้ค่อนข้างเสี่ยงและมีความไม่แน่นอน แต่ว่าเราน่าจะเตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นจริงๆ ในเวลาอันใกล้นี้มากกว่า เรื่องเหล่านี้ก็ได้แก่ปัญหาโลกร้อน และเรื่องประชากรสูงวัย รวมทั้งแนวโน้มที่เราจะขาดแคลนเกษตรกรในอนาคต หลายคนยังมองไม่เห็นว่าปัญหาเหล่านี้จะเข้ามามีผลกระทบต่อการเกษตรของบ้านเราอย่างไร หรือถ้าจะมองให้ละเอียดลงไปก็คือยังมองไม่ออกว่าจะมาเกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตประจำวันของคนไทย หากวิเคราะห์ให้ลึกพอก็จะมองเห็นปัญหาใหญ่รออยู่ข้างหน้าอย่างชัดเจนและหากเราไม่เตรียมมาตรการรองรับตั้งแต่วันนี้ ก็รับรองได้ว่าเดือดร้อนกันไปทั่ว ทั้งนี้ไม่ต้องคาดเดาเป็นรายปีว่าในแต่ละปีราคาผลิตผลจะเป็นอย่างไร เพราะว่าเรื่องดังกล่าวจะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไป
ปัญหาโลกร้อน
 เมื่อเดือนที่แล้วมีการประชุมระดับผู้นำของโลกเพื่อถกกันเรื่องมาตรการลดปัญหาภาวะโลกร้อน เพราะว่าทั่วทั้งโลกกำลังกังวลเรื่องนี้อยู่ และพยายามสร้างมาตรการต่างๆ ขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่ามีผลกระทบต่อเมืองไทยด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าวันนี้มาตรการยังไม่ชัดเจนและยังตกลงกันไม่ได้ แต่ว่าเราคงหนีไม่พ้นเรื่องของการใช้มาตรการต่างๆ ในการกีดกันไม่ให้เราผลิตสินค้าตามใจชอบได้ ปัญหาโลกร้อนสามารถมองได้ 2 ประเด็นคือ
 ประเด็นแรก หากโลกร้อนขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส น้ำแข็งทั่วโลกเกิดละลาย ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เกิดน้ำท่วมในหลายส่วนของโลก สมดุลของโลกเปลี่ยนไป เกิดทั้งภาวะแห้งแล้งในบางพื้นที่และน้ำท่วมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พืชผลที่เคยปลูกกันอยู่ก็คงไม่ได้ผลผลิตเหมือนอย่างเดิม รวมทั้งการระบาดของโรคและแมลงก็จะเปลี่ยนแปลงไปและมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงมากขึ้น เพราะว่าอากาศร้อนขึ้นจึงเหมาะสมต่อการระบาด ดังนั้นจะเกิดภาวะที่เรียกว่ายุคข้าวยากหมากแพง เพียงแต่ว่าปัญหาดังกล่าวนี้ยังค่อนข้างไกลตัวมาก และยังใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา อาจเห็นได้ในช่วงอายุของลูกหลานมากกว่า
 ประเด็นที่สองที่ใกล้ตัวเข้ามาหน่อยก็คือ มาตรการต่างๆ ที่ทำให้เราทำการเกษตรยากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ข้อกำหนดเรื่องการใช้และการปลดปล่อยคาร์บอน หรือคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตว่ามีมากน้อยเพียงใด ความสามารถในการลดของเสียในกระบวนการผลิตว่ามีประสิทธิภาพเพียงใด เรื่องใหม่ๆ เหล่านี้ทำให้มาตรการเดิมๆ อย่างเช่นเรื่องความปลอดภัยของอาหาร เรื่องของระบบติดตามตั้งแต่ฟาร์มถึงผู้บริโภค หรือ Traceability กลายเป็นเรื่องเก่าหรือเรื่องเล็กไปเลย บรรดามาตรการเดิมๆ ที่เกิดขึ้นมาเป็นระยะ
 ประเทศไทยยังต้องวิ่งไล่ตามมาตลอด และมีการพัฒนาได้เพียงบางส่วน แล้วก็ต้องมาเจอหรือกำลังจะเจอมาตรการใหม่ๆ ขึ้นมาอีก นั่นหมายถึงว่า เราต้องมีการเตรียมการอีกมากเพื่อให้ตอบสนองต่อมาตรการดังกล่าว ถ้าจะถามว่าเราต้องไปสนใจเรื่องเหล่านั้นทำไม หากละเลยหรือไม่ทำอะไรแล้วจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ คำตอบก็คือหากไม่ทำก็ขายผลิตผลไม่ได้ ถ้าขายไม่ได้ราคาในประเทศก็จะตกต่ำลงมาก และจะมีปัญหาสังคมตามมาเป็นลูกโซ่ โดยสรุปก็คือโลกอนาคตต้องการอาหารที่นอกจากจะปลอดภัยจากสิ่งปนเปื้อนต่างๆ แล้ว ยังต้องการอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ปัญหาคนสูงอายุ
 การคุมกำเนิดของไทยมีประสิทธิภาพสูงมาก จนทำให้อัตราการเพิ่มประชากรอยู่ในระดับต่ำกว่าหลายประเทศ รวมทั้งระบบสาธารณสุขที่ดีขึ้น ทำให้คนไทยมีอายุยืนมากขึ้น ปัจจุบันอายุขัยเฉลี่ยของคนไทยประมาณ 72 ปี ผลก็คือเมืองไทยจะอุดมไปด้วยคนสูงอายุที่ไม่อยู่ในวัยแรงงาน ทำให้ผลิตภาพการผลิตของประทศโดยรวมจะลดลง แต่ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรก็คงเป็นเรื่องของอาหารการกิน คนสูงอายุต้องการอาหารที่มีความพิเศษมากกว่าปกติ เช่น น้ำตาลต่ำ ไขมันต่ำ รวมทั้งอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระทั้งหลายเพราะมีความเชื่อว่าน่าจะลดการเกิดมะเร็งได้ ดังนั้นจึงอาจเรียกอาหารกลุ่มนี้ได้ว่าอาหารเพื่อสุขภาพ หรืออาหารสุขภาพ และไม่เฉพาะคนสูงอายุเท่านั้นที่ต้องการอาหารสุขภาพ แต่ว่าคนที่มีกำลังซื้อมากๆ ก็อยากเลือกหาอาหารกลุ่มนี้มาบริโภคแทนอาหารปกติ ส่งผลให้ตลาดและความต้องการอาหารสุขภาพของคนในประเทศ รวมทั้งของโลก เพิ่มมากขึ้นและยังเป็นคงเป็นกระแสที่กำลังมาแรง
 ฉะนั้นอนาคตของอาหารกลุ่มนี้จึงยังสดใสอยู่มาก แต่ว่าความรู้ทางวิชาการที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาอาหารกลุ่มนี้ เพราะว่าคงไม่ใช่เฉพาะเรื่องของเทคโนโลยีการปลูกหรือเลี้ยงเพียงอย่างเดียว ยกตัวอย่างเช่นความพยายามในการพัฒนาพันธุ์ข้าวที่มีสีเข้มของสารแอนโทไซยานินที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ จนได้ข้าวหอมนิลขึ้นมา การพัฒนาน้ำตาลที่ให้ความหวานเพียงอย่างเดียว โดยไม่ให้พลังงานหรือไม่ดูดซึมในร่างกาย ซึ่งทำให้คนที่เป็นโรคเบาหวานสามารถมีความสุขจากการบริโภคอาหารได้มากขึ้น
  นอกจากนี้ พวกผักพื้นบ้านทั้งหลายของไทยก็น่าจะมีศักยภาพสูงมากในการพัฒนาเป็นอาหารสุขภาพ เพราะว่ามีองค์ประกอบของสารหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าผักที่เราคุ้นเคยกันอยู่ตามตลาด เป็นต้น ความรู้เหล่านี้น่าจะเป็นช่องทางสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่จะทำให้เมืองไทยเราพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นครัวของโลกได้
ปัญหาขาดแคลนเกษตรกร
 เมืองไทยเป็นเมืองเกษตร เมื่อก่อนนี้ร้อยละ 80 ของประชากรไทยทำอาชีพเกษตร แต่มาถึงวันนี้จำนวนได้ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 40 เท่านั้น และกำลังมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เหตุผลก็เพราะว่าอายุของเกษตรกรที่มากขึ้นทุกปี อย่างเช่นปีนี้เคยมีผู้ประเมินไว้ว่าโดยเฉลี่ยแล้วเกษตรกรไทยอายุ 58 ปี ซึ่งมีกำลังพอที่จะทำเกษตรต่อไปได้อีกไม่กี่ปี แต่ที่น่าห่วงคือ ไม่มีผู้รับช่วงต่อ เพราะว่าเด็กรุ่นใหม่พยายามหลีกเลี่ยงอาชีพเกษตร เนื่องจากเห็นว่าเป็นอาชีพที่ต้องทำงานหนัก และที่สำคัญคือมองว่ารายได้ต่ำ ไม่คุ้มกับการทำ จึงหาทางให้ได้เรียนสูงๆ เพื่อจะได้หลีกหนีออกจากพื้นที่ไปทำอาชีพอื่นหรือเป็นลูกจ้างในอุตสาหกรรมแทน
  ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือ เรื่องที่ดิน ซึ่งนับวันจะมีราคาสูงขึ้นมาก จึงเกิดการขายที่ดินเกษตรเพื่อไปทำธุรกิจอื่น ที่เห็นกันมากก็คือที่ดินเกษตรสวยๆ ได้กลายมาเป็นรีสอร์ทไปแล้วหลายแห่ง ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็คือเมื่อแรงงานขาดแคลน ความต้องการใช้เครื่องจักรกลเกษตรจึงมีมากขึ้น และกลายเป็นธุรกิจของผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งไม่ใช่เกษตรกรรูปแบบเดิมอีกต่อไป หากสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ในอนาคตคนไทยคงต้องซื้อข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมากิน และการเกษตรก็จะไม่ใช่เรื่องหลักของคนไทยอีกต่อไป
เตรียมรับมือกับโลกอนาคตตั้งแต่วันนี้
 การทำอาชีพเกษตรในอนาคต ต้องทำด้วยความรู้และใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าช่วย แต่การเปลี่ยนแปลงเกษตรกรรุ่นเก่าที่เคยชินกับการปฏิบัติแบบเดิมนั้น คงเป็นไปได้ยาก แต่ยังมีช่องทางในการเตรียมคนรุ่นใหม่เข้าสู่อาชีพเกษตรได้ ซึ่งขณะนี้ก็ได้เริ่มแล้วในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกร (ส.ป.ก.) เป็นแกนนำในการใช้นโยบายให้ความรู้เกษตรกรก่อนให้ที่ดิน โดยเป็นความร่วมมือกับสำนักงานการอาชีวศึกษา และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งเป็นโครงการที่เสริมขึ้นมาหลังจากร่วมมือกันสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ผ่านกระบวนการเรียนการสอนนักศึกษาวิทยาลัยเกษตรมาแล้ว หากทำได้สำเร็จก็น่าจะช่วยบรรเทาการขาดแคลนเกษตรกรที่มีความรู้ความสามารถได้เป็นอย่างดี
 เมื่อมีคนรุ่นใหม่ที่มีความพร้อมเรื่องแนวคิดใหม่แล้ว การผลิตตามความต้องการของตลาดก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ว่าต้องใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจในการผลิต แทนที่จะคอยดูคนอื่นทำก่อนแล้วค่อยทำตาม ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ได้เราก็อาจเห็นเกษตรกรทั่วไปร่ำรวยขึ้นก็ได้
 ตั้งแต่ปีใหม่นี้เป็นต้นไปเกษตรกรทั้งหลายคงต้องเตรียมรับการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวกับกระบวนการผลิตที่ยากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดการใช้สารเคมี การเพิ่มคุณภาพผลิตผล เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของตลาด รวมไปถึงการลดต้นทุนการผลิต เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดได้ในสภาวะที่ปัจจัยการผลิตแต่ละอย่างมีราคาสูง รวมทั้งต้องปรับพฤติกรรมจากความเคยชินเดิมๆ ให้ได้ ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้เรามีข้อมูลค่อนข้างมากว่าการปลูกข้าวโดยปล่อยให้น้ำขัง ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซมีเทนขึ้นไปในชั้นบรรยากาศและเป็นสาเหตุของโลกร้อน ซึ่งประเด็นนี้จะกลายมาเป็นมาตรการกีดกันการส่งออกข้าวของเรา
 ทางออกชาวนาอาจต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำใหม่หมดก็เป็นได้ หรือเรื่องการไถพรวนที่ดินก็จะทำให้เกิดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศมากเช่นกัน การปลูกข้าวแบบลดการไถพรวนก็อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งซึ่งชาวนาไทยส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นเคย แต่อาจจำเป็นต้องทำ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องนำมาคิดและปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตจากแบบเดิมที่เราคุ้นเคย มาสู่เทคโนโลยีสมัยใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเน้นการเกษตรแบบผลิตเพื่อขาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศเป็นหลัก
 อย่างไรก็ตาม หากใครคิดที่จะทำการเกษตรเพื่อเลี้ยงตัวเองตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การเปลี่ยนแปลงกระบวนการเหล่านี้อาจเบาบางกว่าเป็นต้น
รศ.ดร.พีรเดช ทองอำไพ








ข่าวที่เกี่ยวข้องเอกชนยอมตรึงราคาปุ๋ยตลอดปี53"วิถีชีวิต-ลายไทย" คว้าชัยเวทีเครื่องประดับ

มกอช.เร่งส่งเสริมการค้า "ไทย-จีน"

พ่อค้าส่งออกไทย อย่า ใจปลาซิว ?มณฑลกวางตุ้งซื้อสินค้าเกษตรไทย

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ชีวิตกับกล้วยไม้ เหตุใดฉันจึงรักกล้วยไม้ (7)

ชีวิตกับกล้วยไม้ เหตุใดฉันจึงรักกล้วยไม้ (7)



คมชัดลึก : สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ฉันใคร่จะขอบอกเธอ เรื่องนั้นก็คือความคิดในการปรับเปลี่ยนวงการกล้วยไม้ให้มันขยายผลไปถึงพืชอื่นๆ






อย่างกว้างขวาง แม้แต่การเปลี่ยนทัศนคติจากอดีตซึ่งคนส่วนใหญ่เคยคิดว่า “พืชใดที่กินไม่ได้ก็จะไม่ปลูก” กว่าจะเปลี่ยนความคิดเรื่องนี้ให้เกิดในวงการกล้วยไม้และขยายผลไปถึงไม้ดอกไม้ประดับอย่างอื่น มันไม่ใช่ของง่าย โดยเฉพาะต้องอาศัยความอดทนสูงมาก
 ถ้าเธอได้อ่านบทความเรื่อง “เหตุใดฉันจึงรักกล้วยไม้” ก็น่าจะหาคำตอบได้เองว่า “เพราะกล้วยไม้มันทำให้ฉันต้องต่อสู้กับปัญหาอย่างหนักหน่วง”
 ใครจะว่าฉันเป็นนักสู้มันก็ได้ หรือจะว่าเป็นนักอะไรต่อมิอะไรมันก็ได้อีกเช่นกัน แต่ถามฉันก็คงต้องตอบว่า “ฉันไม่ได้เป็นนักอะไรทั้งนั้น นอกจากเป็นคนธรรมดาเหมือนทุกคน”
 ย้อนกลับไปนึกถึงอดีตก่อนปี พ.ศ.2490 ไปแล้ว ขณะนั้นสภาพของสังคมไทยที่เกี่ยวกับกล้วยไม้ เราคงมีแต่เก็บกล้วยไม้ป่าส่งไปขายเมืองนอก ร่วมกับการสั่งกล้วยไม้ลูกผสมจากเมืองนอกมามอมเมาคนไทย
 เรื่องนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะวงการกล้วยไม้เท่านั้น แม้แต่ในวงการอื่นเราก็เห็นกันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะผลิตพันธุ์ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีดังเช่นรถยนต์ กล้องถ่ายภาพ แม้แต่โทรศัพท์มือถือ ชาติไทยจำต้องตกเป็นเบี้ยล่างต่างประเทศมาตลอด ถึงขนาดเปิดประตูบ้านให้คนต่างชาติบุกเข้ามาถือครองแผ่นดินของเราเอง  ดังที่เห็นได้จากการตั้งสำนักงานส่งเสริมการลงทุน หรือที่เรียกกันว่า “บีโอไอ”
 ฉันต้องขออภัยที่นำชื่อองค์กรนี้มากล่าว ฉันไม่ได้คิดร้ายต่อใครทั้งนั้น หากพูดถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติรวมทั้งคนไทยซึ่งเป็นคนท้องถิ่นอันนับได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
 แม้แต่การท่องเที่ยวของไทยก็เช่นกัน ถ้าฉันจะพูดว่าองค์กรนี้ทำงานแบบชักศึกเข้าบ้านก็ไม่น่าจะผิด “เพราะหิวเงินจึงไปดึงเอาคนต่างชาติเข้ามาเที่ยว มารู้เรื่องราวอะไรดีๆ ภายในประเทศของเราแทบจะไม่เหลือ”
 นอกจากนั้น ยังขาดการประเมินตัวเอง จึงไม่รู้ว่ารากฐานคนไทยนั้นมันหย่อนยานมากขึ้นแค่ไหน ดังเช่นการถูกปรามาสว่า “คนไทยเห็นเงินตาโต” ขณะนี้เงินซื้อแผ่นดินไทยได้แทบจะหมด 
 เรื่องนี้คนไทยผู้มีปัญญาที่ยังเหลืออยู่ไม่มากนัก คงเห็นได้เอง!!
  ระพี สาคริก       (ต่อฉบับหน้า)








ข่าวที่เกี่ยวข้องเหตุใดฉันจึงรักกล้วยไม้ (6)

แม่ลูกแพนด้าโชว์กลางแจ้งพร้อมกันครั้งแรกวันวานที่เมืองเหนือในเหมันตฤดูรับปีเสือท่องสวิสแห่งอีสานเหตุใดฉันจึงรักกล้วยไม้ (5)

2พระองค์ทรงพระสำราญในงานแฟร์

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

สังคมราชภัฏประจำวันศุกร์ที่1ม.ค.53

สังคมราชภัฏประจำวันศุกร์ที่1ม.ค.53



คมชัดลึก :...สวัสดีปีใหม่ 2553 สังคมราชภัฏ ได้ฤกษ์ดีเป็นศรีวันฉลองพุทธศักราชใหม่เป็นวันแรกของปีขาลทอง หลวง ฤทธี และทีมงาน คม ชัด ลึก ไม่มีอะไรจะให้ นอกจากน้ำใจไมตรี มีให้อย่างเต็มเปี่ยมแบบไม่มีวันหมด ขอให้แฟนคลับทุกคนมีความสุขสนุกกับเทศกาลปีใหม่ และกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตาด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะทั้งในที่ทำงานและที่บ้านเช่นวันเดิมๆ






...มองย้อนปีเก่า ปี 52 ประเภทข่าวดี สำนักงาน ก.พ.ร.ประกาศรับรองว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ของ รศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ของ ดร.ณัติเทพ พิทักษานุรัตน์ และมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ที่มี ปัญญา มหาชัย เป็นอธิการบดี มีผลการปฏิบัติราชการเนี้ยบนิ้งติดท็อปเท็น 2-3-4 ตามลำดับ จากมหาวิทยาลัย 73 แห่งทั่วประเทศ ปีนี้ยังไม่รู้ผล ( เย้ )
...ข่าวประหลาด แรกนั้นนึกว่าพีอาร์มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กินยาผิดส่งข่าว ผอ.สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหิน มอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียน ตกใจแทบแย่ ขนาดกลายผอ.เป็นหินแล้วยังไปมอบทุนให้นักเรียนโรงเรียนบ้านโกรกเดือนห้า อีกด้วยนะ อ่านอยู่นานถึงเข้าใจว่า เป็นชื่อหน่วยงาน มีผู้บริหารระดับผอ. เรื่องนี้ ผศ.ดร.เศาวนิต เศาณานนท์ อธิการบดี น่าจะตกรางวัลให้คนเขียนที่ทำเรื่องแข็งให้นิ่มได้
...ข่าวไม่ธรรมดา ใครนะบอกว่าเรียนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏง่าย แค่จ่ายครบ จบแน่ๆ แต่สำหรับ ผศ.สิทธิชัย หาญสมบัติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ และ ผศ.สนิท เหลืองบุตรนาค อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ไม่ยอมให้ใครมาว่าได้ ออกกฎเหล็กแจ้งถึงนายกอบต./อบจ.ใครอยากได้ปริญญาต้องมาเรียน จบออกไปอย่างมีคุณภาพ เล่นเอาบรรดาคนที่เตรียมตัวจะเป็นสิงห์ราชภัฏ หงอยไปตามๆ กัน
...ข่าวนิสิตราชภัฏ เมื่อรศ.ดร.สุพล วุฒิเสน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เป็นแห่งเดียวที่ให้เปลี่ยนเรียก “นักศึกษา” เป็น “นิสิต” อย่างเต็มปากเต็มคำโดยไม่เกรงว่าราชภัฏอีก 39 แห่ง จะคิดอย่างไร ฟังคำอธิบายจากใกล้ชิดอธิการบดีบอกว่า คำว่า นิสิต จะใช้เรียกผู้ที่เรียนกลางวัน นักศึกษา หมายถึง ผู้เรียนภาคพิเศษ ใครยังไม่รู้ ก็จงรู้ไว้ด้วยนะ ขอบอก
...ข่าวสุดเซ็งเป็ดแห่งปี เห็นทีจะเป็นเรื่องข่าวยุบรวม มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ที่มี ดร.ประดิษฐ์ ฉัตรจรัสกุล ที่เพิ่งจะนั่งเก้าอี้อธิการบดีตัวจริงแบบปริ่มน้ำไม่ถึง 3 เดือนดี โดยรวมเข้ากับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ ขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยของจังหวัดกาฬสินธุ์ งานนี้มีการแอบทำกันอย่างเงียบๆ มาตั้งแต่ ปี 2551 ทำประชาพิจารณ์ถึง 12 ครั้ง ผลออกมาให้ยุบรวมเกือบเต็มร้อย คาดว่าไม่พ้นปี 2553 คงสรุป
หลวง ฤทธีriddhee@hotmail.com








ข่าวที่เกี่ยวข้องปั้นแต่งโมเสกผลิตภัณฑ์ศิลป์ของฝากฝีมือครู"เบ็ญจมาภรณ์"คนแห่กลับบ้านแน่นบขส.เพิ่มรถวันละกว่า5พันเที่ยว"อิสสระ"สุดทน"นาธาน"หลุดปากโคตรแหล -มรภ.สงขลาอบรมคอมพ์ เปิดม่านการศึกษาประจำวันที่28ธ.ค.

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

เฒ่าหลังลาย ไม้ป่าดอกสวย

เฒ่าหลังลาย ไม้ป่าดอกสวย



คมชัดลึก : บางพื้นที่เรียก "เฒ่าหลังลาย ว่า "เฉียงพร้าป่า" เป็นไม้ป่าเบญจพรรณที่พบมากตามป่าดิบเขา มีถิ่นกำเนิดแถบคาบสมุทรอินเดีย หรือทางตอนใต้ของไทย ระดับความสูง 500 เมตร






         เป็น ไม้พุ่มขนาดกลาง วงศ์ ACANTHACEAE ชื่อทางวิทยาศาสตร์  Pseuderanthemum graciliflorum) ลำต้นลักษณะ ตั้งตรง ทรงพุ่มหนา แน่นทึบ สูงราว 1-5 เมตร   
  ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกตรงกันข้ามเป็นคู่คล้ายรูปหอกแกมไข่ ขอบเรียบ โคนสอบ ปลายเรียวแหลม สีเขียวเข้มเป็นมัน ยาว 12-15 เซนติเมตร
 ดอก เป็นช่อสั้น ออกตามซอกใบที่ปลายยอด มีดอกย่อยขนาดเล็กรวมกันเป็นช่อ กลีบดอก 5 กลีบ ขนาดไม่กัน โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอดแคบยาว ปลายแยกเป็น 5 แฉก สีม่วงอ่อนถึงเข้ม ออกดอกราวเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ผล เป็นทรงรีแกมไข่ยาว ภายในมีเมล็ดแบน เมื่อแก่จัดจะแตกออก สีน้ำตาล ขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ชอบดินชื้นแฉะ น้ำท่วมขัง แสงแดดจัดเต็มวัน
นายสวีสอง  










NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียวขอให้คุณมี...

ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียวขอให้คุณมี...



คมชัดลึก :สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รัก






เมื่อวานเราเริ่มดูวิธีอวยพร ขอให้มีความสุข เป็นภาษาอังกฤษ (เป็นช่วงปีใหม่ครับ ต้องอวยพรตลอดเวลาครับ) สำหรับวันนี้ผมขอเสนอประโยคที่ใช้ได้เมื่อคุณอยากอวยพรให้คนอื่นมีความสุขโครงสร้างประโยคนั้นขึ้นต้นกับ May you have… ครับ ถ้าจะแปลเป็นไทยน่าจะแปลว่า “ขอให้คุณมี…” เช่นMay you have good health throughout 2010. (ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงตลอดปี 2553 ครับ)May you have great success in 2010. (ขอให้ประสบความสำเร็จอย่างมากในปี 2553 ครับ)May you have love in your life in 2010. (ขอให้มีความรักในชีวิตคุณตลอดปี 2553)ที่จริงแล้วไม่ใช่ have อย่างเดียวครับ …May you win the lottery in 2010. (ขอให้คุณถูกหวยในปี 2553 ครับ)May you be healthy, wealthy and wise. (ขอให้คุณมีสุขภาพดี ร่ำรวย และมีสติปัญญา)พบกันคราวหน้า อย่าลืมว่าภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียวครับ








ข่าวที่เกี่ยวข้องปองพลแแนะแม้ว-สมุนหยุดแนะมาร์คหาตัวช่วยแก้เขมรภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว-วิธีอวยพรรองผบ.ทบ.ปัดป๋าเปรมแต่งเครื่องแบบส่งสัญญาณปฏิวัติอินไซด์ตำรวจประจำวันที่30ธ.ค.เสริม...สิริมงคลรับปีเสือ

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

วัยรุ่นสวดมนต์ข้ามปีต้อนรับปีใหม่

วัยรุ่นสวดมนต์ข้ามปีต้อนรับปีใหม่

โครงการสวดมนต์ปีใหม่ ชีวิตใหม่ ไร้แอลกอฮอล์ นับเป็นโครงการสุดเจ๋งต้อนรับศักราชใหม่ของสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า   (สคล.)  รวมทั้งยังเป็นอีกหนึ่งโครงการที่เห็นคนไทยมีชีวิตในช่วงปีใหม่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ได้มีกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในปีนี้ มี 2 โครงการใหญ่ ๆ ที่หลายหน่วยงานร่วมมือกันจัดขึ้น โดยโครงการแรก กรมการศาสนา (ศน.) และกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้ร่วมกันจัดขึ้น ภายใต้ชื่อ โครงการส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ ปี พ.ศ.2553 เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ร่วมกิจกรรมส่งท้ายปีเก่า และเข้าสู่ปีใหม่ด้วยสิ่งที่เป็นสาระอันแท้จริงของชีวิต ตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาสำหรับวัดที่ร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีนั้น ประกอบด้วยวัดต่าง ๆ ในส่วนกลางที่กรุงเทพฯ จำนวน 51 วัด และมีวัดราชาธิวาส จะเป็นวัดที่จัดกิจกรรมหลัก นอกจากนี้ยังมีวัดประจำจังหวัดและวัดในอำเภอต่าง ๆ ในต่างจังหวัด ร่วมจัดกิจกรรมสวดเจริญพระพุทธมนต์ น้อมจิตอธิษฐานถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2552 -1 มกราคม พ.ศ.2553 ด้วยเช่นกัน โดยในช่วงเช้าจะมีพิธีตักบาตรพระสงฆ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลส่วนโครงการที่ 2 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่..แบบวัฒนธรรมไทย ปีใหม่ ชีวิตใหม่ ไร้แอลกอฮอล์ โดยความร่วมมือของ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ภายใต้มูลนิธิวิถีสุข โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกรรมการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี กรุงเทพมหานคร และประชาคมงดเหล้า 8 ภาค ร่วมกันจัดกิจกรรมกับ 35 วัดดังทั่วประเทศ และสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกว่า 1,016 แห่ง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำหรับบรรยากาศการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในวันนี้ต้องบอกว่า ปีนี้ประชาชนเป็นจำนวนมากให้ความสนใจมาร่วมสวดมนต์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2553  โดยเฉพาะวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร และวัดสระเกศ  วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ที่มีประชาชนทุกเพศทุกวัย  หลั่งไหลเข้าร่วมพิธีอันเป็นมงคลในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก  ร่วมหลายพันคน  โดยกิจกรรมภายในงานจะประกอบด้วย การถวายสังฆทาน ไหว้พระสวดมนต์ทำวัตรเย็น เจริญพระพุทธมนต์ที่เป็นมงคลในการเริ่มต้นปีใหม่ เช่น ชัยมังคลคาถา, มงคลจักรวาลน้อย-ใหญ่, มหาสมัยสูตร, ธัมมจักรกัปปวัตนสูตร การนั่งสมาธิและการแผ่เมตตาบารมี 10 ทิศ เสร็จสิ้นการสวดมนต์ พระสงฆ์แสดงธรรม กล่าวสัมโมทนียคาถา อวยพรปีใหม่และประพรมน้ำพระพุทธมนต์  ด้านนางสาวนฤมล ศรีรุ้ง วัย 19 ปี บอกว่า  การที่เลือกมาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยการเข้าวัดเพื่อเข้าร่วมพิธีสวดมนต์ข้ามปี ซึ่งเป็นมงคลกับชีวิต เพราะเคยได้ยินแต่ผู้ใหญ่พูดกันว่าการได้มาเข้าวัดในช่วงส่งท้ายปีเพื่อต้อนรับปีใหม่ถือเป็นสิ่งที่ดีในชีวิต ในปีนี้ จึงอยากลองดูสักครั้งว่า การทำบุญช่วยให้จิตใจของเรานั้นมีความสุขมากอย่างไร  อยากขอเชิญชวนให้เด็กไทย คนรุ่นใหม่หันมาสนใจเข้าวัดกันให้มากๆ ขึ้น โดยไม่จำเป็นว่าต้องเป็นวันขึ้นปีใหม่ หรือวันพระ วันไหนๆก็ได้  ขอเพียงให้เรามีจิตใจที่บริสุทธิ์ พร้อมที่จะทำบุญก็เพียงพอแล้ว นางสาว นฤมล กล่าวส่วนนายอติเวช  ธรรมรงค์กุล  วัย 18 ปี   เล่าด้วยว่า   รู้สึกดีใจ และประทับใจมาก ที่เห็นวัยรุ่นกลุ่มใหม่ๆ หันมาเข้าวัดทำบุญกันมากขึ้น   อย่างน้อยก็เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต  ซึ่งคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีมากกับการจัดกิจกรรมดีดี เช่นนี้ขึ้นมา  อย่างน้อยก็เห็นว่าในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่มีคนไทยจำนวนมากที่ยังระลึกถึงพระพุทธศาสนา

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

พิชิตปัญหาสัตว์เลี้ยงตอน พาเหมียวบิน

พิชิตปัญหาสัตว์เลี้ยงตอน พาเหมียวบิน



คมชัดลึก : ปัจจุบันการเดินทางด้วยเครื่องบินโดยสารเป็นสิ่งที่ถือว่าเป็นปกติ มิใช่เรื่องที่เอื้อมไม่ถึงดังแต่ก่อน ไม่ว่าจะทั้งคนหรือสัตว์ก็ตาม เจ้าของและสัตว์เลี้ยงต่างเหินฟ้าในและนอกประเทศกันเป็นว่าเล่น







 เจ้าเหมียวสัตว์เลี้ยงแสนรักของหลายๆ คนก็ย่อมไม่พลาดโอกาสทอง นั่งเครื่องไปกับเขา โดยการเดินทางทางอากาศของเจ้าเหมียวนั้นจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ตัวมันเองและผู้โดยสารอื่นๆ เรียกว่าขนาดบัตรทองก็ย่อมได้ เนื่องจากคุณสมบัติของแมวเองที่แตกต่างไปจากสัตว์เลี้ยงอื่นๆ คือ แมวมีความไวและอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมรอบข้างอันเป็นเครื่องกระตุ้นให้เหมียวเกิดความเครียดยิ่งขึ้น ซึ่งได้แก่ เสียง กลิ่น อุณหภูมิ แสง และภาพ ฯลฯ เช่น เสียงเครื่องยนต์ เสียงคนแปลกหน้า กลิ่นน้ำมัน กลิ่นสาบผู้คน อุณหภูมิที่เย็นกว่าปกติในเครื่อง ภาพคนหน้าตาแปลกๆ ฯลฯ รวมถึงความกลัวและหวาดระแวง เช่น กลัวคนที่มุงดู (แม้จะด้วยความรักแต่มันไม่รู้หรอกครับ มีแต่กลัว) หรือระแวงว่าเจ้าของจะนำไปทิ้ง (เพราะอยู่ในกรงในสถานที่แปลกใหม่ไม่คุ้นเคย) ฯลฯ
 การขึ้นเครื่องของเจ้าเหมียวนั้น สามารถไปได้ 2 วิธีคือ วิธีแรกใส่กรงลงใต้ท้องเครื่องบินคล้ายกับพัสดุ แต่เป็นพัสดุมีชีวิตจึงอยู่ในห้องสินค้าที่ปรับความดันและอุณหภูมิ เพราะหากรวมไปกับพัสดุอื่นๆ เช่นเดียวกับกระเป๋าเดินทางของเจ้านายล่ะก็ เปิดออกมารับรองตัวแข็งแหงแก๋แน่นอน ส่วนอีกวิธีหนึ่งโดยการอยู่ในห้องโดยสารเช่นเดียวกับเจ้าของ จะเป็นชั้นหนึ่ง ชั้นธุรกิจ หรือชั้นประหยัดก็สุดแท้แต่ทุนทรัพย์ของผู้เป็นนายละครับ อย่างไรก็ตามทั้ง 2 วิธีมีหลักการปฏิบัติให้เกิดสวัสดิภาพแก่เจ้าเหมียวในการเดินทางด้วยเครื่องบินดังนี้คือ
(1) แมวทุกตัวที่เดินทางด้วยเครื่องบินต้องอยู่ในกรงเดินทางที่ออกแบบมาโดยเฉพาะและเป็นที่รับรองจากหน่วยงานการบินขนส่งนานาชาติ (IATA) คือเป็นกรงพลาสติกค่อนข้างทึบ 4 ด้าน และมีประตูซี่ลวดแข็งแรงด้านหน้าล็อกปิดได้
(2) ก่อนเดินทางสัก 1 เดือน ควรฝึกให้แมวคุ้นเคย ชินกับการเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ลำพังในกรงนี้ โดยเพิ่มระยะเวลาให้แมวเข้าไปกินอยู่หลับนอนในกรงนานขึ้นทีละน้อย จนอยู่ได้เป็นวันๆ
(3) ควรใช้อุปกรณ์เดิมในกรง เช่น ผ้าห่ม หรือฟูกรองนอน ถาดอาหาร และขวดให้น้ำอันที่เคยใช้ใส่ไปในกรงขณะเดินทาง แมวจะได้ไม่แตกตื่นดีกว่าใช้ของใหม่ซึ่งไม่คุ้นชิน
(4) ใส่อาหารและน้ำแต่พอกินตามระยะเวลาเดินทาง ไม่ให้มากเกินไป ถ้าเป็นกรงที่อยู่ในเคบิน หรือห้องโดยสาร ให้หมั่นตรวจตราเติมน้ำและอาหารเป็นระยะๆ กินน้อยไว้ดีกว่ากินมาก เพื่อป้องกันอาเจียน
(5) เมื่ออยู่ในห้องโดยสาร ห้ามนำแมวออกจากกรงโดยเด็ดขาด เพราะหากออกมาแล้วเกิดตกอกตกใจวิ่งพล่านไปทั่วเครื่องอาจเป็นเรื่องถึงโศกนาฏกรรมได้
(6) การให้ยากล่อมประสาท หรือยานอนหลับควรปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อใช้อย่างเหมาะสม ถูกต้อง ไม่มีข้อห้ามการใช้แต่ต้องพิจารณาและใช้ตามที่หมอกำหนดมาอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมวประเภทจิตใจอ่อนไหว ประสาทอ่อน ติดเจ้าของแจล่ะก็คงต้องใช้ละครับ
(7) เมื่อเดินทางถึงที่หมายปลายทางแล้ว ควรเฝ้าสังเกตอาการเจ้าเหมียวและให้กินอาหารทีละน้อยก่อน จนกว่าเขาจะปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติครับ ปฏิบัติเช่นนี้ หากพาเหมียวบินก็จะไม่รบกวนใคร ปลอดภัยทั้งคนและเหมียวครับ
รศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร








ข่าวที่เกี่ยวข้องโซนรักสัตว์ประจำวันที่31ม.ค.ตอบแฟนๆ อีกแล้วจ้า ศุกร์ที่ 29 มกราคม 2553

อินไซด์ยุติธรรมประจำวันที่25ม.ค.ผี4-0นำฝูงรูนีย์เหมาหมดเชลซีทะลุเอฟเอ

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

โซนรักสัตว์ประจำวันที่31ม.ค.

โซนรักสัตว์ประจำวันที่31ม.ค.



คมชัดลึก :+++ วิธวัช หงษ์ตระกูล ประชาสัมพันธ์ สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) ฝากบอก สมาคมกำหนดจัดสัมมนาหัวข้อ มาตรการเพื่อสวัสดิภาพสัตว์ 5 ประการกับการทารุณสัตว์ในประเทศไทย (Fight for Five Freedoms for All Animals)






 ... เพื่อรายงานสภาพการทารุณสัตว์จากผลการสำรวจของคณะนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกับสมาคม รับฟังประสบการณ์ของผู้สัมมนาถึงปัญหาสภาพการทารุณสัตว์ แนวทางแก้ปัญหา รวมถึงแสวงหาความร่วมมือจากเครือข่ายในการยุติการกระทำทารุณสัตว์ ที่สำคัญ สนับสนุน พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและพัฒนาสวัสดิภาพสัตว์ ที่กำลังเข้าสู่การพิจารณาของ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา... สนใจร่วมรับฟังเชิญได้ในวันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ ณ โรงแรมเคปราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี  ...สอบถามรายละเอียดได้ที่ 08-11905-1451
 +++ สวนสัตว์ดุสิต ร่วมฉลองตรุษจีน ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ด้วยขอเชิญเที่ยวงาน "ตรุษจีน...ที่เขาดินวนา" ...มีกิจกรรมเกี่ยวกับเหล่าสัตว์น่ารักมากมายให้น้องๆ หนูๆ ได้ชมความสามารถกัน เริ่มจากร่วมต้อนรับสมาชิกใหม่ในการแสดงโชว์ของฝูง "แมวน้ำ 5 ตัว" ที่สั่งตรงจากแอฟริกาใต้ ...การแสดงช้างแสนรู้ สุนัขแสนรู้ ชุดมหัศจรรย์สัตว์ป่า สัมผัสฉลามยักษ์ ผ่อนคลายกับสปาปลา การแสดงกายกรรมจากประเทศเคนยา ต่อด้วยชมการแสดงของศิลปินหลากอารมณ์ "ไมเคิล ตั๋ง" ...รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ทั้งภาควิชาการ บันเทิง... ว่างๆ อย่าลืมพาครอบครัวแวะไปชมกันครับ!
 +++ พ่อเมืองอ่างทอง วิศว ศะศิสมิต ฝากเตือนว่าช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมีผู้ซื้อสัตว์ปีกจำนวนมากเพื่อไหว้เจ้าและเพื่อบริโภค... ดังนั้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2552-มีนาคม 2553 จึงกำชับให้โรงฆ่าสัตว์ที่มี 37 แห่ง 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง ไชโย วิเศษชัยชาญ และ อ.แสวงหา ควบคุมการฆ่าสัตว์อย่างเข้มงวด ... ขณะที่สัตว์ปีกที่จำหน่ายจะต้องมาจากฟาร์มที่ผ่านการตรวจวิเคราะห์เชื้อไข้หวัดนกตามหลักเกณฑ์กรมปศุสัตว์ จึงจะได้รับสายรัดข้อเท้าก่อนออกสู่ตลาดจำหน่ายจากสำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้า ... จึงขอให้ผู้บริโภค ซื้อสัตว์ปีกที่มีสายรัดข้อเท้าด้วย เพราะการันตีถึงความสะอาด ความปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ครับ!
 








ข่าวที่เกี่ยวข้องโอบามา-มิเชลเป็นนายแบบโดยไม่รู้ตัว2ดาราเรียลริตี้ดังผู้ดีฆ่ากินหนูออกทีวีโดนฟ้องสังคมสุดสัปดาห์ประจำวันที่ 24 ต.ค.พลิกแฟ้ม"ดาราทูต"จอมทัพ "วิก" เดินสายสอนน้อง

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

เอสซีจี เปเปอร์ าเยี่ยมโรงเรียนตชด.ดูวิธีแปลงกระดาษเป็นอุปกรณ์การเกษตร

เอสซีจี เปเปอร์ าเยี่ยมโรงเรียนตชด.ดูวิธีแปลงกระดาษเป็นอุปกรณ์การเกษตร



คมชัดลึก : นอกจากการสนับสนุนการจัดซื้ออุปกรณ์การศึกษาแก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเพื่อติดอาวุธทางปัญญาพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี






 การส่งเสริมให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้ระบบการทำเกษตรแบบย่อมเพื่อนำผลผลิตที่ได้มาเป็นอาหารกลางวันแก้ปัญหาเด็กขาดสารอาหาร นับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับอนาคตของชาติ
 "ท่องโลกเกษตร" อาทิตย์นี้ ตามคณะผู้บริหารบริษัท อินโฟเซฟ จำกัด ในเครือเอสซีจี เปเปอร์ นำโดย พุทธพร แสงรัตนเดช กรรมการผู้จัดการบริษัท เดินทางไปมอบโอกาสให้น้องๆ นักเรียนในถิ่นทุรกันดาร ตามโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่ จ.เลย จำนวน 7 โรงเรียน ได้แก่ ร.ร.ตำรวจตระเวนชายแดนฮิลมาร์พาเบิล ร.ร.ตำรวจตระเวนชายแดนวังชมพู ร.ร.ตำรวจตระเวนชายแดนหนองแคน ร.ร.ตำรวจตระเวนชายแดนบ้านห้วยเป้า ร.ร.ตำรวจตระเวนชายแดนเฉลิมราษฎร์บำรุง ร.ร.ตำรวจตระเวนชายแดนบ้านนาปอ และ ร.ร.ตำรวจตระเวนชายแดนบ้านนานกปีด ตามโครงการ“Shred2share” ข้อมูลปลอดภัยร่วมใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม มีพันธมิตร 36 องค์กร อาทิ ธ.กรุงไทย ธ.ไทยพาณิชย์ มติชน เนชั่นกรุ๊ป ห้างคาร์ฟูร์ ฯลฯ ร่วมเดินทางไปมอบโอกาสด้วย
 พุทธพร กล่าวถึงโครงการ เชท ทู แชร์ (Shred2share) “เปลี่ยนความลับให้เป็นความรัก” มีวัตถุประสงค์หลัก 2 ส่วน คือ ส่วนแรก “Shred2” อินโฟเซฟจะจัดเก็บเอกสารและข้อมูลสำคัญที่หมดอายุหรือไม่ใช้แล้วจากบริษัทพันธมิตรมาย่อยทำลายตามกระบวนการที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล จากนั้นส่วนที่สองคือ  “share” แรก คือการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม โดยกระดาษที่ได้จากโครงการนี้จะถูกนำไปรีไซเคิล ซึ่งจะช่วยในการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการช่วยลดการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 447 ตัน และลดการใช้ถ่านหินได้ 189 ตัน รวมไปถึงลดการใช้น้ำได้ถึง 8.6 หมื่นลูกบาศก์เมตร  
 สำหรับ “share” ที่สอง เอสซีจี เปเปอร์และอินโฟเซฟจะสมทบทุน 2,000 บาทต่อ 1 ตันของข้อมูลที่องค์กรพันธมิตรนำมาย่อยทำลายนำมารวบรวมเงินทุนเพื่อสนับสนุนการจัดซื้ออุปกรณ์การศึกษาแก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อปลูกจิตสำนึกในด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของข้อมูลให้แก่เยาวชนต่อไป ซึ่งในครั้งนี้รวบรวมเงินทุนจากการย่อยทำลายเอกสารความลับได้ทั้งหมด 1.4 ล้านบาท
 “หากเรานำเอกสารที่เป็นความลับไปทำลายโดยวิธีการเผา นอกจากจะเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมโดยที่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เลย แล้วยังเพิ่มความเสี่ยงในการทำลายเอกสารที่เป็นความลับอีก ดังนั้น โครงการเชท ทู แชร์ จึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและมอบโอกาสแก่เยาวชนไทยได้ในอนาคต” บอสใหญ่อินโฟเซฟ เผย
 สำหรับประโยชน์ที่ได้จากโครงการนี้ วุฒินันท์ แก้วสอาด ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินโฟเซฟ จำกัด กล่าวเสริมว่า สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือต้องส่งอุปกรณ์การพัฒนาให้เขาอยู่รอดให้ได้ เพราะเชื่อว่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่เรามอบให้ จะเป็นเสมือน แขนขาอีกแรงที่จะสร้างแรงให้เขาพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะโครงการอาหารกลางวัน ซึ่งโรงเรียนมีระบบการเกษตรแบบย่อม ซึ่งตรงนี้นับเป็นก้าวเล็กๆ ที่จะต่อยอดไปสู่ก้าวที่ใหญ่ขึ้น
 "ผมมองว่า ถ้ามีโรงเรียน แปลงเกษตรนั้นจะขาดไม่ได้เลย เพราะถือเป็นหัวใจของการมีสุขอนามัยที่ดีทั้งทางกายและใจ โดยการทำแปลงเกษตรเองจะลดความเสี่ยงต่อการได้รับสารพิษ ไม่ว่าจะเป็นบ่อเลี้ยงปลา เล้าไก่ เล้าหมู แปลงผัก เรือนเพาะเห็ด ถ้าสนับสนุนให้เด็กทำได้ตั้งแต่วันนี้ก็ถือเป็นการส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ตลอดจนการปลูกจิตสำนึกให้ยึดวิถีพอเพียง เพราะนอกจากเด็กจะมีพัฒนาการแล้วยังเป็นการสร้างอาชีพในชุมชนได้อีกด้วย” ผู้จัดการคนเดิมระบุ
 ส่วนผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการอย่าง ด.ญ.จินดาพร ทองทับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ประธานนักเรียน ร.ร.ตำรวจตระเวนชายแดนบ้านนานกปีดยอมรับว่า อุปกรณ์การเรียนที่โครงการเชท ทู แชร์ นำมามอบให้ ถือว่ามีประโยชน์มาก เพราะจะเป็นการลดต้นทุนการซื้ออุปกรณ์การเรียน และนำมาซื้อวัตถุดิบทางการเกษตรแทน เช่น วัตถุดิบการผลิตเห็ดนางฟ้าจากขี้เลื่อย ซึ่งมีราคาแพงถึง  4 หมื่นบาทต่อ 1 คันรถสิบล้อ ครูจึงส่งสริมให้ใช้ซังข้าวโพดแทนขี้เลื่อย แต่ก็ให้ผลผลิตได้ไม่ดีนัก เนื่องจากถุงเห็ดที่ทำจากซังข้าวโพดเกิดเชื้อราได้ง่าย
 “โครงการแปลงเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ประกอบด้วย การเลี้ยงปลาดุก ปลูกผักสวนครัว เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ไข่และไก่พันธุ์เนื้อ เพาะเห็ดนางฟ้า ซึ่งครูส่งเสริมให้นักเรียนอัดเชื้อเห็ดเองตามสูตร คีอนำซังข้าวโพด หรือขี้เลื่อยไปบดให้ละเอียด ชั่งและผสมอาหารตามสูตรแล้วกรอกใส่ถุง ใส่คอขวดแล้วรัดด้วยยาง ปิดจุก นำไปนึ่งฆ่าเชื้อ 2-4 ชั่วโมง จากนั้นเขี่ยเชื้อลงในถุงอาหารเห็ด บ่มเชื้อและปิดคอกทิ้งไว้ 25-30 วัน  เห็ดก็จะเกิดและสามารถเก็บได้ นอกจากนี้เรายังสามารถนำเชื้อเห็ดที่หมดสภาพแล้วนำไปทำปุ๋ยได้” น้องจินดาพร เล่าอย่างฉะฉาน
 ด้านครูผู้เสียสละอย่าง ดาบตำรวจไฉน พูดขุนทศ ครูผู้สอน เกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ร.ร.ตำรวจตระเวนชายแดนบ้านนานกปีด ต.ห้วยบ่อซืน อ.ปากชม จ.เลย กล่าวว่า ร.ร.ตำรวจตระเวนชายแดนบ้านนานกปีดเป็นโรงเรียนที่ดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยแก้ไขปัญหาเด็กขาดสารอาหาร นอกจากนี้แล้วการที่ให้นักเรียนได้ทำเกษตรในโรงเรียนจะเป็นการปูพื้นฐานให้เด็กนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ทำให้นักเรียนมีอาชีพ สร้างพื้นฐานการเป็นยุวะเกษตรรุ่นเยาว์ เข้าใจระบบสหกรณ์ บัญชี ความซื่อสัตย์ โดยจะเน้นการเรียนการสอนแบบพี่สอนน้อง เป็นรุ่นๆ ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้เด็กมีสัมพันธไมตรีอย่างกว้างขวาง และยั่งยืนต่อไป
 นับเป็นความโชคดี ที่เด็กนักเรียนในถิ่นทุรกันดารยังได้รับโอกาส ในการส่งเสริมและสรรค์สร้างอาชีพให้พอเพียงในโรงเรียน ภายใต้โครงการเปลี่ยนความลับให้เป็นความรัก หรือเชท ทู แชร์ที่ทางอินโฟเซฟและพันธมิตรกว่า 36 องค์กรมอบให้
วิรัตน์ ภูดวงศรี










NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

รับผิดชอบสังคมหัวใจนิเทศมมส.

รับผิดชอบสังคมหัวใจนิเทศมมส.



คมชัดลึก :"พัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพทั้งด้านความรู้และคุณธรรม"






คือปรัชญา สาขาวิชานิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ที่เปิดมาแล้ว 10 ปี  บัณฑิต และ นิสิต ทุกคนตระหนักว่าปัญญาชนที่ดีต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม กระบวนการเรียนการสอนจึงเป็นไปแบบพึ่งพาอาศัยกันระหว่างมหาวิทยาลัยและท้องถิ่น
การเรียนการสอนของสาขานิเทศศาสตร์มมส. 3 วิชาเอก  ไม่ว่าจะเป็น วิชาเอกวิทยุโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียง  วิชาเอกวารสารศาสตร์ และ วิชาเอกการประชาสัมพันธ์  จึงมีกิจกรรมเสริมหลักสูตรมากมาย อาทิ วิชาเอกวิทยุโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียง  มี กิจกรรมการแสดงละครเร่สำหรับเด็กและเยาวชน  ละครเวที โครงการหนังสั้นอีสาน และสารคดีเชิงข่าวสร้างสรรค์สังคม
 วิชาเอกวารสารศาสตร์ มีกิจกรรม การศึกษาและวิจัยปัญหาด้านด้านสื่อประเพณี  การผลิตหนังสือพิมพ์ชุมชนที่มีคุณภาพภายใต้ชื่อ "สื่อมวลชน" ทั้งแบบออนไลน์และสื่อสิ่งพิมพ์ รวมทั้งผลิตนิตยสาร "ป้ายรถเมล์"  ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างของ จ.มหาสารคาม และการเขียนแผนพัฒนาสื่อเพื่อชุมชน ในวิชาเอกการประชาสัมพันธ์ 
ทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นคือความรับผิดชอบต่อสังคมได้รางวัลต่างๆเช่น รางวัลสายฟ้าน้อย จากการประกวดสารคดีเชิงข่าวโทรทัศน์ จัดโดยสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย  รางวัลพิราบน้อยและรางวัลริต้า ปาติยะเสวีจากการประกวดหนังสือพิมพ์ฝึกปฏิบัติ ที่จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย 7 ปี ต่อเนื่อง สร้างความภูมิใจแก่ครูผู้สอน นิสิตสาขานิเทศศาสตร์ ร่วมทั้งชุมชนจ.มหาสารคาม
น้องๆที่สนใจสัมผัสชีวิตสื่อสารมวลชน ที่พร้อมจะสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชนและสังคม ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.mcmsu.net/ หรือ สอบถามคณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ต.ขามเรียงอ.กันทรวิชัยจ.มหาสารคาม44150  โทร. 0-4375-4359 หรือ 0-4375-4322-40 ต่อ 2414 , 2453 FAX 0-4375-4359.
 








ข่าวที่เกี่ยวข้องเลาะรั้วมหาวิทยาลัยประจำวันที่29พ.ย.มส.มีมติตั้งพระวัย84เจ้าอาวาสวัดโสธรแล้วลุ้นสมเด็จเกี่ยวชงมส.ตั้งเจ้าวาสวัดโสธร10พ.ย.เสนอชื่อเจ้าอาวาสวัดโสธรรูปใหม่เข้ามส.10พ.ยม็อบพระวัดโสธรยุติเสนอตั้งเจ้าอาวาสรูปใหม่

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

เลาะรั้วมหาวิทยาลัยประจำวันที่31ม.ค.

เลาะรั้วมหาวิทยาลัยประจำวันที่31ม.ค.



คมชัดลึก :0 ขอแสดงความยินดกับ ณัฐฐาพรสังข์สมศักดิ์ นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ(บพิตรพิมุข จักรวรรดิ) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัลเด็กและเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2553 และรับโล่รางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล






0 วิทยาลัยดุริยศิลป์ มหาวิทยาลัยพายัพ ขอเชิญชมคอนเสิร์ตเพื่อการกุศล Melodies of Japan : A Charity Concert วันที่ 7 ก.พ. ตั้งแต่เวลา17.30 น.เป็นต้นไปณ โรงละครกลางแจ้ง ซี.ซี.ไอ. มหาวิทยาลัยพายัพ เขตแก้วนวรัฐ
0 ร่วมเป็นกำลังใจให้น้องๆ เยาวชนทั้ง 10 ทีม จาก 9 มหาวิทยาลัย ที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศการแข่งขัน Schneider Electric Challenge University Initi@tive 2009 หรือการแข่งขันนวัตกรรมการอนุรักษ์พลังงานระดับอุดมศึกษา ได้ในวันที่5 ก.พ. ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ณ อาคารศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น 9 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
0 แว่วว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์จัดโครงการสร้างเสริมสุขภาวะภายในมหาวิทยาลัยภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมีผศ.ดร.สัมพันธ์รอดพึ่งครุฑ รองอธิการบดี เป็นหัวหน้าโครงการ ประกาศนโยบายสุขภาวะ 8 มาตรการ ให้นักศึกษาและสมาชิกทุกคนภายในสถาบันร่วมกันเคลื่อนไหวเพื่อให้เป็นตัวอย่างของสังคมต่อไป ขอบอกๆ ๆ
0 สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นเจ้าภาพร่วมกับสถาบัน CFA Society Thailand จัดการแข่งขันนักวิจัยหลักทรัพย์เพื่อการลงทุนนานาชาติ รอบชิงแชมป์ประเทศไทยในวันที่ 6 ก.พ. เวลา 09.00-12.00 น. ณ ห้อง 501 อาคารศศปาฐศาลา สถาบันฯ ศศินทร์ฯ ผู้สนใจสามารถร่วมชมการแข่งขันโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย








ข่าวที่เกี่ยวข้องเจ้าอินทรียักษ์ผู้เคราะห์ร้ายนกหายากจากทุ่งหญ้าสเต็ป ในปีที่ผ่านมาคุณประทับใจศิลปินคนไหนมากที่สุดเทรนด์ใหม่ยังเจเนอเรชั่นนครสวรรค์รวมตัวทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี แชะ แชะ แชะประจำวันอาทิตย์ที่31มกราคมรับผิดชอบสังคมหัวใจนิเทศมมส.

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

แชะ แชะ แชะประจำวันอาทิตย์ที่31มกราคม

แชะ แชะ แชะประจำวันอาทิตย์ที่31มกราคม



คมชัดลึก : **** มาแล้วครับ กระผมนายตากล้อง (สมองไว) มารายงานตัวแล้วขอรับ วันนี้ขันอาสาทำหน้าที่เจ๊าะแจ๊ะเรื่องราวของเพื่อนๆ มาให้รู้จักกันเหมือนเช่นเคยครับ






 **** แต่ขอเริ่มกันที่ชายหนุ่มก่อนดีกว่า หนุ่มหน้าสวยอย่างนี้มีชื่อว่า นายบอย หรือ ชาญณรงค์  พลศึกษา กำลังเรียนอยู่ปี 1 คณะบริหาร สถาบันเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์
 **** สำหรับน้องบอยนี้ เมื่อถามถึงประสบการณ์เด่น เขาบอกเลยว่าคงเป็นเรื่องที่มีพี่ๆ เห็นหน้าและชักชวนลงคอลัมน์ในครั้งนี้แหละครับ (โห...เอาไปเลยห้าดาว) 
 **** ส่วนจุดเด่นอีกอย่างคือ สามารถคิดอะไรแปลกๆ ที่แตกต่างจากความคิดคนอื่นๆ ได้ (นอกเหนือสิ่งที่มีอยู่) (ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใครอ่ะ)
 **** บอยบอกว่า วางเป้าหมายในอนาคตคือ อยากเรียนให้จบปริญญาเอก แต่ที่ดีที่สุดคือ เป็นคนดีของพ่อแม่และสังคม (ดีจัง) และขณะนี้ที่ยังต้องเรียนหนังสืออยู่ก็ต้องตั้งใจเรียนอย่างเดียวเลย โดยมีคติประจำใจที่ว่า อย่าไปลองสิ่งที่ผ่านมาแล้ว และมุมมองต่อสยามสแควร์คือ มีผู้คนเดินมากมายให้คอยตามสีสัน-แฟชั่น และมีร้านค้าดีๆ มากมาย (จริงครับ)
 **** ข้ามมารู้จักฝ่ายหญิงบ้างดีกว่า น้องแมรี่ หรือ ณัฐธิณี ริลา สาวคนนี้เห็นความน่ารักโดดเด่นมาแต่ไกล เห็นแล้วต้องคว้าตัวมาเป็นแขกให้ แชะ แชะ แชะ
 **** น้องแมรี่บอกว่า กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
 **** ประสบการณ์เด่นคือ เรื่องที่ได้ออกค่ายอาสาพัฒนากับมหาวิทยาลัย (ประสบการณ์ตรงจ๊ะ) ส่วนความสามารถพิเศษอีกอย่างต้องเรื่องนี้เลย เล่นดนตรีไทยได้และทำอาหาร (หญิ๊ง...หญิง) 
 **** สำหรับอนาคต คืออยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์ (สาธุขอให้สมหวัง) สาวแมรี่มีคติประจำใจว่า ยอมรับในสิ่งที่ตนเองตัดสินใจ และมีมุมมองต่อสยามสแควร์คือ เป็นสถานที่ที่ให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมกันทุกอาทิตย์ เป็นการช่วยพัฒนาสังคมในทางที่ดีขึ้นอีกทางหนึ่ง
 **** สำหรับน้องๆ คนไหนที่สนใจอยากจะร่วมสนุกบ้าง ก็เขียนเรื่องราวของตัวเองพร้อมแนบรูปถ่ายเก๋ๆ ส่งมาที่ นสพ."คม ชัด ลึก" 1854 ถ.บางนา-ตราด (กม.4.5) แขวงบางนา เขตบางนา  กรุงเทพฯ  10260  วงเล็บมุมซองว่า "เปิดโลกอินเทรนด์" (ส่งมาเยอะๆ นะครับ)
 **** แล้วเจอกันใหม่สัปดาห์หน้า บ๊าย บาย คร้าบบบ....
 








ข่าวที่เกี่ยวข้องดีไซน์ล้ำเลิศ ชิลเอาท์เคล้ารสความรู้ ใน EST.33ชุมชนไทยในต่างแดนประจำวันอาทิตย์ที่31ม.ค.53ภาพถ่ายจากการลั่นชัตเตอร์ต่อยอดเป็นงานแฟชั่น
ของ "ดวง" มนตร์ลดา พงษ์พานิช

ละครธรรมะ ปฏิวัติสื่อ



NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

อาชีวะเพชรให้ทุนเรียนผ้าสร้างอาชีพอยู่ได้พอเพียง

อาชีวะเพชรให้ทุนเรียนผ้าสร้างอาชีพอยู่ได้พอเพียง



คมชัดลึก :"ปีที่แล้วแผนกผ้าและเครื่องแต่งกายไม่เปิดรับนักศึกษา แต่ว่าปีนี้ ผอ.ฉันทนา พิพัฒน์บรรณกิจ มีนโยบายให้รับนักศึกษาทั้งระดับ ปวช.และ ปวส. ห้องละ 40 คน โดยให้ทุนการศึกษาฟรีทั้งหมดสำหรับผู้ที่ประสงค์จะเรียนด้านนี้ เพื่อส่งเสริมให้มีผู้จบออกไปมีอาชีพติดตัว สามารถทำงานได้ เพราะคนที่เรียนแผนกนี้อย่างน้อยๆ ต้องรับซ่อม ตัด ปะ ผ้าได้อยู่แล้ว"






 ภัทรกรเสียงสนั่น ครูแผนกผ้าและเครื่องแต่งกาย วิทยาลัยอาชีวศึกษาเพชรบุรี กล่าว
วิทยาลัยอาชีวศึกษาเพชรบุรีเปิดสอนครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2477 ณ พระราชวังรามราชนิเวศน์ หรือวังบ้านปืน ปี 2482 ย้ายมาอยู่ที่อยู่ปัจจุบันบนที่ดินสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เนื้อที่26 ไร่ 74.89 ตารางวา บุคลานุสรณ์ พระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภช พระโอรสลำดับที่  75 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับเจ้าจอมมารดาเลื่อน มีตึกอุรุพงษ์เป็นอาคารที่สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์พระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภช เป็นตึกอำนวยการ
เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือ ปวช. และหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือ ปวส. แผนกวิชาการบัญชี การตลาด เลขานุการคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ธุรกิจค้าปลีก ศิลปกรรมผ้าและเครื่องแต่งกาย คหกรรมอาหารและโภชนาการ การโรงแรมและการท่องเที่ยว หลักสูตรทวิภาคีด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรม ในอนาคตคาดว่าจะเปิดสอนระดับปริญญาตรีด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรมด้วย
"เด็กที่เรียนแผนกผ้าและเครื่องแต่งกาย จะต้องฝึกงานในสถานประกอบการ ห้องเสื้อต่างๆ เพื่อให้เกิดทักษะอาชีพก่อนจบออกไปทำงาน โดยครูผู้สอนจะต้องหาแหล่งฝึกประสบการณ์ให้แก่นักเรียน นักศึกษา" อ.กัลยาณีรอดรักษา หัวหน้าแผนกผ้าและเครื่องแต่งกายอธิบาย
นอกจากนี้ระหว่างที่เรียนนักศึกษาจะต้องเรียนชุดเพื่อการค้า5 ชุด ต่อ 1 ภาคเรียน แบ่งเป็นชุดทำงาน 2 ชุดค่าแรงแรงละ 250 บาท ที่เหลือเป็นชุดนอน หรือ กางเกง กระโปรง ค่าแรงตัวละ 100 บาท ส่วนสูทจะคิดราคา 150 บาท โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นครู อาจารย์ในสถาบันจะต้องนำผ้ามาเอง และที่แผนกผ้ายังเปิดคลินิกผ้า รับซ่อม ปะ ผ้า เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกทักษะฝีมืออีกด้วย
อย่างไรก็ตามนักศึกษาที่จบแผนกผ้าและเครื่องแต่งกายทั้งปวช.และปวส.ส่วนใหญ่จะไปทำงานตามโรงงานเย็บผ้า ภายในพื้นที่ อาทิ โรงงานของไฟนาว หรือ โรงงานเย็บผ้าย่าน อ.เขาย้อย หรือไปทำงานโรงงานเย็บผ้าตามแหล่งต่างๆ มีเพียงส่วนน้อยที่ทำงานห้องเสื้อ เพราะไม่มีประสบการณ์ แม้ว่าจะเคยไปฝึกงานตามห้องเสื้อใหญ่ๆ แต่จะไม่ได้ลงมือปฏิบัติจริง
"นักศึกษาที่ไปฝึกงานตามห้องเสื้อจะได้ทำงานที่ไม่ต้องใช้ทักษะมากนัก เช่น เย็บรังดุม หรือ สอยผ้า เป็นต้น จะต้องใช้เวลาในการฝึกในทักษะประมาณ 1 ปี จะมีความชำนาญเปิดร้านเสื้อเองได้" ครูภัทรกรกล่าว
อย่างเช่น "สนิตย์ โด่งดัง" ที่เรียนจบ ปวส.จากสถาบันแห่งนี้ตั้งแต่ปี 2542 ไปทำงานที่โรงงานไฟนาวประมาณ 6-7 เดือน จากนั้นไปทำงานโรงงานเย็บรองเท้าที่ อ.มหาชัย 4-5 เดือน และกลับมาทำงานที่ อ.เขาย้อย ที่โรงงานบิชอปอยู่ 8 ปี ประสบอุบัติเหตุขาขวาหักต้องดามเหล็ก ต้องพักงานอยู่เป็นปี แม้ว่าบริษัทจะให้โอกาสไปทำงานตำแหน่งเดิม "สนิตย์" ก็รู้สึกทำได้ไม่ดีอย่างที่ผ่านมา
เธอจึงตัดสินใจลาออกและไปดาวน์จักรเย็บผ้ามา 1 หลังราคา 14,000 บาท รับจ้าง ซ่อม ตัด ปะ ผ้าอยู่ที่บ้าน เพียงแค่ระยะเวลา 6 เดือน รับจ้างเย็บผ้าถุงผืนละ 15 บาท ตัดขากางเกงผ้าธรรมดา 30 ยีน 40 บาท ทุกวันนี้ทำงานแทบไม่ทัน เพราะงานเยอะมาก
"ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะเปิดร้านตั้งแต่เรียนจบโดยไม่ต้องไปทำงานโรงงานเลย เพราะจริงๆ แล้วงานเหล่านี้เราทำเป็นอยู่แล้ว และในอนาคตคาดว่าจะไปดาวน์จักรเย็บรังดุมมาอีก เพื่อที่จะรับงานได้หลากหลายมากกว่าการซ่อมแซมผ้าอย่างที่เป็นอยู่ ที่สำคัญรายรับที่ได้ก็มากพอที่จะเลี้ยงตัวได้อย่างพอเพียง ไม่ลำบาก และเป็นเจ้านายของตัวเองอีกด้วย" สนิตย์ กล่าว
"สนิตย์ " ฝากบอกรุ่นน้องที่สนใจเรียนสายอาชีพไปหาคำตอบให้กับตัวเองได้ในงาน โอเพ่นเฮ้าส์ 9-10 กุมภาพันธ์ สอบถามได้ที่โทร.0-3242-5557 ต่อ 154
0 หทัยรัตน์ ดีประเสริฐ 0
 








ข่าวที่เกี่ยวข้อง "เอสซีจี เปเปอร์" าเยี่ยมโรงเรียนตชด.ดูวิธีแปลงกระดาษเป็นอุปกรณ์การเกษตร เสาร์ที่ 30 มกราคม 2553

บ้านต้านภัยธรรมชาติไม่บาน-ที่มีเงินเท่าไรก็สร้างได้(2)พระญี่ปุ่นเปิดบาร์เหล้า !สปอนเซอร์ไม่เข้าเป้า งดเชิญทีมต่างชาติ บอลควีนส์คัพ

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

เจ้าอินทรียักษ์ผู้เคราะห์ร้ายนกหายากจากทุ่งหญ้าสเต็ป

เจ้าอินทรียักษ์ผู้เคราะห์ร้ายนกหายากจากทุ่งหญ้าสเต็ป



คมชัดลึก :ปัจจุบันสัตว์ป่าคุ้มครองหลายชนิดกำลังจะสูญพันธุ์ เนื่องจากถูกคุกคามโดยมนุษย์ที่ตามล่า ซึ่งส่วนหนึ่งนำมาเป็นอาหาร และอีกส่วนหนึ่งจับมาเลี้ยงเป็นสัตว์ในบ้าน อย่าง นกอินทรีทุ่งหญ้า สเต็ป (Steppe Eagle Aquila nipalensis) ก็เป็นสัตว์ปีกอีกชนิดหนึ่งที่กำลังจะสูญพันธุ์เช่นกัน เพราะถูกจับนำไปเลี้ยง






 ท่ามกลางนกอินทรีทุ่งหญ้าสเต็ป ที่กำลังเหลือน้อยเต็มที เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2553 ผศ.น.สพ.ดร.ไชยยันต์ เกสรดอกบัว หัวหน้าหน่วยฟื้นฟูนกล่าเหยื่อ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ได้รับนกอินทรีทุ่งหญ้าสเต็ป ผู้เคราะห์ร้ายมา 1 ตัว ที่นายพนอง รัตน์นราทร จับได้ในสวนยางพารา พื้นที่ ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง เพื่อนำไปฟื้นฟูต่อไป
 ผศ.น.สพ.ดร.ไชยยันต์บอกว่า นกอินทรีชนิดทุ่งหญ้าสเต็ป เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และเป็นนกอินทรีขนาดใหญ่ มีถิ่นอาศัยอยู่แถบทุ่งหญ้าสเต็ป ซึ่งเป็นที่โล่งแถบประเทศมองโกเลีย จีน และคาซัคสถาน เป็นนกอินทรีอพยพที่หายากมากที่สุดในประเทศไทย ลักษณะทั่วไปหากโตเต็มวัยจะมีขนาดจากปลายปากถึงปลายหางยาวประมาณ 76-80 ซม. ในช่วงที่ย้ายถิ่นเพื่อหนีหนาวนั้นจะบินสูงประมาณ 2,100 ฟุต ซึ่งส่วนใหญ่จะอพยพมาอาศัยในฤดูหนาว อย่างในประเทศไทยมักจะพบที่ทุ่งนาทุ่งนาแถบ อ.เขาย้อย และ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ชอบกินหนูนาเป็นอาหาร
เป็นนกที่มีปากใหญ่กว่านกอินทรีชนิดอื่นๆ ท้ายทอยมีแถบน้ำตาลแดง คางสีอ่อนกว่าคอ มุมปากลึกเกินกึ่งกลางดวงตา ปีกและหางยาวกว่านกอินทรีปีกลาย ขนคลุมใต้ปีกสีน้ำตาลเข้มตัดกับขนคลุมปลายปีกดำ ขนปีกมีลายขวาง ปลายปีกและขนปีกมีสีเข้ม ปัจจุบันในแต่ละปีจะมีนกอินทรีอพยพที่พบในประเทศมี 3 ชนิด คือนกอินทรีปีกลาย นกอินทรีหัวไหล่ขาว และนกอินทรีทุ่งหญ้าสเต็ป ราว 20 ตัว เฉพาะนกอินทรีทุ่งหญ้าสเต็ปมีไม่ถึง 10 ตัวเท่านั้น
เจ้านกอินทรีทุ่งหญ้าสเต็ปผู้เคราะห์ที่ถูกจับได้ในสวนที่ จ.ระนอง ตัวนี้ เป็นนกอินทรีทุ่งหญ้าสเต็ปวัยอ่อน หรือวัยเด็ก จากการตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นพบว่า มีอาการอ่อนเพลีย เนื่องจากหมดแรงขณะบินอพยพหนีหนาวจากถิ่นอาศัยบริเวณทุ่งหญ้าสเต็ป แต่ด้วยที่เป็นนกที่ยังโตไม่เต็มที่จึงอ่อนแรงก่อน หลังจากที่ให้น้ำเกลือที่หน่วยฟื้นฟูนกล่าเหยื่อ คณะสัตวแพทยศาสตร์แล้ว จึงส่งมาฟื้นฟูในกรงฝึกบิน ที่วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม
  หลังจากฟื้นฟูในกรงฝึกบินได้ระยะหนึ่ง ทีมสัตวแพทย์ที่เฝ้าดูอาการพบว่า เจ้านกอินทรีทุ่งหญ้าสเต็ปตัวนี้ มีอาการซึม เกาะตามพื้น ซึ่งถือว่าผิดปกติของสัตว์ป่าที่มีความอดทนสูง มักจะไม่แสดงอาการป่วย หากไม่มีอาการหนักจริง คณะสัตวแพทย์จึงตรวจดูโดยละเอียดอีกครั้งเมื่อวันที่ 21 มกราคม พบว่ากระเพาะอาหารทะลุ หลอดลมอักเสบ จึงนำมาผ่าตัดใหญ่ พบว่าภายในกระเพาะอาหารไม่มีเศษเนื้อ เบื้องต้นน่าจะมาจากที่นายพนองให้ปลาทะเลในระหว่างที่เลี้ยงอยู่บ้าน เพราะนกอินทรีชนิดนี้จะกินเนื้อสัตว์บกมากกว่า
 ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 มกราคม หัวหน้าหน่วยฟื้นฟูนกล่าเหยื่อ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มก.บอกว่า อาการของเจ้านกอินทรีทุ่งหญ้าสเต็ปผู้เคราะห์ร้ายตัวนี้ เริ่มดีขึ้นแล้ว แต่ยังอยู่ในกรงเล็กที่โรงพยาบาลสัตว์ มก.วิทยาเขตกำแพงแสน เบื้องต้นสามารถกินอาหารเหลวได้แล้ว ต้องรอดูอาการอีก 1-2 อาทิตย์ หากนกสามารถฉีกกินอาหารได้เองแล้ว ก็จะฟื้นฟูจนแข็งแรงดี ก่อนจะนำไปปล่อยที่ทุ่งนาบางจาก จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นที่นกอพยพพักและบินผ่าน เพื่อให้บินกลับไปยังถิ่นตามโครงการฟื้นฟูนกล่าเหยื่อเพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติราวปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้
ดลมนัส  กาเจ








ข่าวที่เกี่ยวข้อง พิมพา จันทพิมพะนักแปลวัย97รับรางวัลนราธิปชีวิตคน 3 ตำบล อ.แม่สอด กับการแก้ปัญหาแคดเมียมกองทัพเขมรกุข่าวยิงทหารไทยดับ3ที่พระวิหาร "ทน.เชียงใหม่" รุก "ทำเชียงใหม่เอี่ยม" ต้นแบบเมืองน่าอยู่

"ลุงเฉลียว"นักการเกษตรผสมผสาน

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

2โพลชี้ปมแก้รธน.ทำรัฐเชื่อมั่นวูบคนกรุงความสุขลด

2โพลชี้ปมแก้รธน.ทำรัฐเชื่อมั่นวูบคนกรุงความสุขลด

ดุสิตโพลระบุ ปชป.พลิกลิ้นยกเลิกแก้ รธน.ทำความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลวูบ ไม่เชื่อมั่นพรรคร่วมมีนัยแอบแฝงหวังผลประโยชน์หรือไม่ ขณะที่เอแบคโพลเผยคนกรุงมีความสุขต่ำที่สุด พร้อมจับจ่ายช่วงตรุษจีนมากขึ้น ...เมื่อวันที่ 31 ม.ค. สวน ดุสิตโพล เผยผลสำรวจประชาชน เรื่องความขัดแย้งในการแก้รัฐธรรมนูญ ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคร่วมรัฐบาล โดยพบว่า ร้อยละ 48.11 เห็นว่า ควรเชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคมาหารือร่วมกัน ว่า จะยุติปัญหานี้อย่างไร ร้อยละ 40.29 ประชาชนมีความเป็นห่วงการเมืองไทยอย่างมาก เพราะอาจเป็นสาเหตุของความขัดแย้ง และเกิดการสลับขั้วทางการเมือง และส่งผลให้มีการยุบสภา ร้อยละ 56.86 ประชาชนมีความเชื่อมั่นรัฐบาลลดลง เพราะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี  เคยพูดไว้ ว่า จะแก้รัฐธรรมนูญ หากเข้ามาเป็นรัฐบาล ซึ่งมองว่า เป็นเรื่องของผลประโยชน์ และอำนาจของพรรคการเมือง ร้อยละ 49.02 เห็นว่า จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่กระทบความเชื่อของประชาชนที่มีต่อพรรค ประชาธิปัตย์ เพราะ พรรคประชาธิปัตย์ มีเสียงมากกว่าพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งน่าจะคุมเกม หรือหาข้อยุติลงได้ และ ร้อยละ 51.94 ประชาชนมีความเชื่อมั่นพรรคร่วมรัฐบาลลดลง เพราะไม่รู้ว่า การเรียกร้องให้มีการแก้รัฐธรรมนูญนั้น มีเงื่อนไขอื่นแอบแฝง หรือเพื่อหวังผลประโยชน์หรือไม่ด้าน ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน หรือ เอแบคโพล เผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง แนวโน้มความสุขมวลรวมของคนไทยภายในประเทศประจำเดือนมกราคม 2553 และความตั้งใจจับจ่ายใช้สอยของคนไทยเชื้อสายจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ พบว่า ค่าเฉลี่ยความสุขของคนไทยในเดือนมกราคม 2553 ลดต่ำลงจากเดือนธันวาคมปีที่แล้ว จาก 7.26 ลงมาอยู่ที่ 6.52 โดยค่าความสุขของคนไทยตกลงเกือบทุกตัวชี้วัด โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศตกลงจาก 5.58 เหลือเพียง 4.06ส่วนสภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนตกลงจาก 7.09 มาอยู่ที่ 5.87 ซึ่ง ประชาชนในกรุงเทพมหานครมีค่าความสุขต่ำที่สุดอยู่ที่ 6.17 ส่วนประชาชนในภาคเหนือมีค่าความสุขมากที่สุดคือ 7.37 เมื่อถามกลุ่มคนไทยเชื้อสายจีนถึงความตั้งใจจะจับจ่ายใช้สอยในช่วง เทศกาลตรุษจีนปีนี้ พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 36.8 เตรียมเงินไว้มากกว่าปีที่แล้วในการเซ่นไหว้ สอดคล้องกับ คนไทยเชื้อสายจีนส่วนใหญ่ ร้อยละ 45.8 ที่ตั้งใจจะใช้จ่ายเงินเรื่องการท่องเที่ยว การรับประทานอาหารนอกบ้านมากกว่าปีที่แล้ว แต่ปัญหาการเมืองอาจทำให้เปลี่ยนใจได้ .


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

นักวิจัยเกษตรสิงห์บุรีพัฒนาวิชาชีพเกษตรไทย

นักวิจัยเกษตรสิงห์บุรีพัฒนาวิชาชีพเกษตรไทย

นักวิจัยวิทยาลัยเกษตรสิงห์บุรี พัฒนาหลักสูตรการเรียนวิชาชีพด้านการเกษตร เน้นเรียนรู้ปฏิบัติงานจริง เสริมความเชื่อมั่นให้ผู้เรียน...เมื่อวันที่ 31 ม.ค. นายเอกชัย ยุทธชัยวรกุล อาจารย์ประจำวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสิงห์บุรี หัวหน้าคณะวิจัยโครงการศึกษารูปแบบและกระบวนการเรียนรู้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการประกอบอาชีพด้านการเกษตร กล่าวว่า ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาจำนวนนักศึกษาด้านการเกษตรลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยผู้จบการศึกษาด้านเกษตรส่วนมากหันไปประกอบอาชีพในสาขาอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้ด้านการเกษตร ทำให้เกิดการสูญเปล่าทางการศึกษา ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความมั่นใจต่อวิชาชีพเกษตรของนักศึกษาคือค่านิยมที่ต้องทำงานโดยมีเงินเดือนประจำ จึงจะถือว่ามีอาชีพที่มั่นคง รวมทั้งหลักสูตรและวิธีการเรียนการสอนของครูที่ไม่สร้างความเชื่อมั่นแก่นักเรียนว่าจบแล้วออกไปประกอบอาชีพได้นายเอกชัย กล่าวต่อว่า จากปัญหาดังกล่าวทีมวิจัยจึงได้นำผลที่ได้ไปปรับปรุงหลักสูตรการเรียนรู้ โดยจัดให้มีการศึกษาดูงานกับสถานประกอบการ และออกสัมภาษณ์เกษตรกรที่ให้ความรู้ได้จริง และเป็นแบบอย่างที่สามารถทำได้จริง เพื่อให้ผู้เรียนรับรู้สถานการณ์จริง และเป็นการสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนแก่ผู้เรียน โดยให้ปฏิบัติจริงในสิ่งที่อยากทำ ทำให้นักศึกษาปรับเปลี่ยนทัศนคติต่อวิชาชีพเกษตร ความสำเร็จของโครงการดังกล่าวนี้ กำลังเกิดการขยายผลทั้งในระดับเครือข่ายวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีภาคกลาง และกำลังขยายผลไปยังวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอื่นๆ ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีการขยายผลสู่ระดับสำนักงานคณะกรรมการอาชีวะศึกษา และระดับนโยบายการศึกษา งานวิจัยนี้ถือเป็นรูปธรรมสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายเป็นต้นแบบของการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ให้ควมสำคัญในการสร้างความรู้ที่ติดตัวเด็ก ซึ่งสอดคล้องกับการปฏิรูประบบการศึกษา รอบ 2 ของรัฐบาล ที่มุ่งทำให้คนไทยทุกคนได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ อันจะนำไปสู่การพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ ที่เน้นการใช้ฐานความรู้และข้อมูลในการคิดวิเคราะห์และตัดสินใจอย่างเป็นระบบด้วยวิธีวิจัยในการประกอบอาชีพ หัวหน้าคณะวิจัย กล่าว

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

มรภ.ธนบุรีผุดสาธิตแห่งแรกในสมุทรปราการ

มรภ.ธนบุรีผุดสาธิตแห่งแรกในสมุทรปราการ



คมชัดลึก :"สาธิต มรธ.สมุทรปราการ" จัดตั้งขึ้น เป็นโรงเรียนสาธิตของรัฐแห่งแรก ในจ.สมุทรปราการ ใช้งบประมาณก่อสร้างอาคารเรียนและอุปกรณ์การเรียนประมาณ 30 ล้านบาท เพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่ศูนย์เด็กเล็กประจำตำบล จัดการเรียนการสอนแบบบีบีแอล (Brain Based Learning) คือ การจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับการพัฒนาของสมอง ให้เด็กรู้จักคิด วิเคราะห์ คิดเป็นทำเป็นได้ด้วยตนเอง






 เป็นคำมั่นของ ผศ.ลักขณา บรรพกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
ขณะนี้โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี สมุทรปราการ พร้อมแล้วที่จะรับนักเรียนรุ่นแรกในระดับชั้นอนุบาล 1-2 ห้องละ 25 คน ในปีการศึกษา 2553 การนำหลักสูตรบีบีแอลมาใช้ในการเรียนการสอน เพราะต้องการให้นักเรียนช่วยเหลือตัวเองได้ เป็นเด็กดี พลเมืองดี ซื่อสัตย์สุจริต มีการเรียนรู้ร่วมกับธรรมชาติ รวมถึงการเรียนรู้วัฒนธรรมไทย และเสริมความเป็นสากลให้โดยการสอนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ เรียนรู้การใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน โดยอาจารย์ผู้สอนชาวต่างชาติ การจัดการศึกษา ไม่ได้มุ่งหวังที่จะสร้างกำไร แต่เน้นที่การเรียนการสอนที่มีคุณภาพ จึงกำหนดรับนักเรียนเพียงห้องละ 25 คน ถ้าครบแล้วจะปิดรับสมัครทันที
ครูผู้สอนจบปริญญาโท สาขาปฐมวัย 6 คน และครูพี่เลี้ยง  6 คน ที่พร้อมให้ความรู้ ความรัก ความอบอุ่น และการดูแลเอาใจใส่ให้นักเรียน พื้นที่ของโรงเรียนมีประมาณ  5 ไร่ มีสนามเด็กเล่น ห้องศูนย์การเรียน อุปกรณ์เสริมสร้างพัฒนาการ และสวนศึกษาชีวิตธรรมชาติของพืช ซึ่งพืชที่นำมาปลูกจะไม่มีหนาม และจะไม่เป็นอันตรายต่อนักเรียน
 "สำหรับผู้อำนวยการโรงเรียนนั้น เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์เป็นคุณครูในโรงเรียนอนุบาล เป็นที่ปรึกษาให้โรงเรียนในจ.สมุทรปราการ และเป็นเจ้าหน้าที่ประเมินคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในการพัฒนาโรงเรียนให้มีคุณภาพ ที่สำคัญ อาจารย์นันทพร สมบูรณ์สุข เคยเป็นครูพี่เลี้ยงตั้งแต่อายุ 19  จึงมั่นใจว่าจะดูแลเอาใจใส่เด็กด้วยความรัก และผ่านการคัดเลือกตามขั้นตอนมาเรียบร้อยแล้ว จึงเชื่อมั่นในคุณสมบัติของผอ.โรงเรียนที่จะบริหารจัดการและดูแลนักเรียนให้มีคุณภาพได้" อธิการบดีมรธ.กล่าว
 สำหรับในอนาคต ผศ.ลักขณา มีแผนที่จะพัฒนาการเรียนการสอนไปจนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เพราะเรามีแนวความคิดที่จะให้เด็กๆ เหล่านั้นเข้ามาศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา “โปรแกรมที่เป็นเลิศ ก็เช่น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวศิลปกรรม (นิเทศศิลป์) นิเทศศาสตร์ นิติศาสตร์ สายครูทั้งหมด ร่วมถึงคณะวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตซึ่งตอนนี้ก็ได้เปิดสอนแล้วเช่นกันโดยใช้หลักสูตร TQF คือกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ (Thai Qualifications Framework for Higher Education, TQF:HEd)  
  ซึ่งขณะนี้ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี สมุทรปราการ ได้เปิดสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าก่อนเป็นสาขาแรก ผ่านการวิพากษ์หลักสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญ เน้นการเรียนการสอนแบบลงมือปฏิบัติ เป็นหลักสูตรสหกิจศึกษาซึ่งเรียนถึง 150 หน่วยกิต นักศึกษาสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการนำเสนอผลงานได้ในระดับวิชาชีพ ที่กำลังจะเปิดในมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี สมุทรปราการ ปีการศึกษา 2553 นี้ 
 โรงเรียนสาธิตฯ ได้เปิดรับสมัครเด็กชั้นอนุบาล 1-2 อายุ 3-4 ขวบ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จำนวน 25 คน/ห้อง ในการคัดเลือกผู้สมัครโดยดูความพร้อมของเด็ก ค่าเล่าเรียนเหมาจ่าย 1.5 หมื่นบาทต่อภาคเรียน พร้อมอาหารกลางวัน มีบริการรถรับ-ส่งนักเรียน โดยรถที่นำมาบริการเป็นรถที่มีประสิทธิภาพ มีการตรวจวัดมาตรฐาน พนักงานขับรถที่ผ่านการเลือกสรร และครูพี่เลี้ยงคุมรถเป็นผู้หญิงเท่านั้น เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยไม่มีการสอบข้อเขียน สอบถามได้ที่ 59/1 ซอยเทศบาลบางปู 119 กม.49 ถ.สุขุมวิท ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 10540 ได้ที่โทร.0-2325-2010  ต่อ 2005, 2009, 08-9257-9117, 08-1376-2547  ในวันเวลาราชการ เว็บไซต์ www.dru.ac.th/sp      0 นักข่าวพิกุลจัน 0








ข่าวที่เกี่ยวข้องเปิดม่านการศึกษาประจำวันที่26 ม.ค.เลาะรั้วมหาวิทยาลัยประจำวันที่27ธ.ค.เปิดม่านการศึกษาประจำวันที่17ธ.ค.แข่ง Siam MOS Competitionมรธ.ปฏิบัติธรรมถวายในหลวง

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

รัฐเตรียมรับมือแล้งหนักจากเอลนีโญ่กรมชลสารภาพน้ำไม่พอส่งภาคเกษตร

รัฐเตรียมรับมือแล้งหนักจากเอลนีโญ่กรมชลสารภาพน้ำไม่พอส่งภาคเกษตร



คมชัดลึก :มีการคาดการณ์กันว่าอานิสงส์จากปรากฏการณ์ "เอลนีโญ่" ในปีนี้ น่าจะส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศในประเทศไทยอย่างรุนแรงมากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะภัยแล้งที่ส่อเค้าว่าจะยาวนานหลายเดือน ทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำตามมา โดยเฉพาะน้ำที่ใช้ในภาคการเกษตรที่ปัจจุบันต้องอาศัยแหล่งน้ำจากชลประทานเป็นหลัก






 ชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทานเผยถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ จากการตรวจสอบข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมา พบว่ามีปริมาตรน้ำรวมกันทั้งหมด 51,987 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 71 ของความจุอ่างทั้งหมด 73,555 ล้านลูกบาศก์เมตรและปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ
 ส่วนการปลูกพืชฤดูแล้งปี 2552/2553 ในเขตพื้นที่ชลประทานทั่วประเทศ ได้กำหนดพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้งไว้รวมทั้งหมด 15.92 ล้านไร่ ปัจจุบัน (22 ม.ค.52) มีการเพาะปลูกไปแล้ว 11.72 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 83 ของแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งทั้งหมด เฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายในการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งไว้ 7.40 ล้านไร่ ขณะนี้มีการเพาะปลูกไปแล้ว 6.15 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 83 ของแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งในลุ่มน้ำเจ้าพระยา
  อธิบดีกรมชลประทานระบุอีกว่า ในส่วนของปริมาณน้ำต้นทุนที่เก็บกักได้ในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2552 มีปริมาณน้ำรวมทั้งหมด 58,726 ล้านลูกบาศก์เมตรน้อยกว่าปี 2551 ประมาณ 900 ล้านลูกบาศก์เมตร จากทั้งหมด 95,640 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งกรมชลประทานได้วางแผนการจัดสรรน้ำในเขตพื้นที่ชลประทานทั้งประเทศเป็นจำนวนทั้งสิ้น 20,720 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ ณ ปัจจุบัน (27 ม.ค.) มีการใช้น้ำไปแล้วจำนวน 9,650 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 47 ของแผนการใช้น้ำทั้งประเทศ จนถึงขณะนี้คงเหลือปริมาณน้ำที่จะนำมาใช้ได้ตามแผนอีกประมาณ 11,070 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 53 เท่านั้น   ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว ชลิต ย้ำว่าคงเป็นไปได้ยาก ตราบใดที่ต้องพึ่งน้ำฝนเพียงอย่างเดียว ในขณะที่อ่างเก็บน้ำก็มีอยู่จำกัด เก็บกักน้ำได้ไม่เกินเป้าที่กำหนดไว้ ขณะที่ความต้องการปริมาณการใช้น้ำเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ดังนั้นการแก้ปัญหาจึงทำได้แค่ปีต่อปีเท่านั้น ที่สำคัญไม่มีแหล่งน้ำสำรองจากที่อื่น นอกจากพึ่งพาน้ำฝนอย่างเดียว ส่วนการทำฝนเทียมก็แก้ปัญหาได้ไม่มาก จะทำได้แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ตรงจุดที่ขาดแคลนน้ำเท่านั้น
 "อ่างเก็บน้ำก็เปรียบเสมือนตุ่ม ฝนตกลงมามากแค่ไหนก็เก็บไว้ได้แค่เต็มตุ่ม แต่ต้องนำมาใช้ตลอดทั้งปี การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตอนนี้ต้องเฉลี่ยการใช้น้ำในทุกตุ่ม เพราะเรามีอ่างเก็บน้ำอยู่จำกัด แต่ไม่ได้หมายความว่าการแก้ปัญหาโดยการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่เพิ่ม แต่เราจะเน้นการสร้างแก้มลิงและฝายมากกว่า เพราะก่อสร้างเสร็จรวดเร็วและกระจายไปตามชุมชนต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง" อธิบดีกรมชลประทานกล่าวย้ำ
  ในขณะที่ วีระ วงศ์แสงนาค รองอธิบดีกรมชลประทานฝ่ายบำรุงรักษากล่าวเสริมว่า เนื่องจากปี 2552 ที่ผ่านมา เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ เก็บกักน้ำรวมกันได้น้อยกว่าปี 2551 ประมาณ 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้การจัดสรรน้ำและกำหนดพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้งในส่วนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาลดน้อยลง ทั้งนี้ จึงอยากขอความร่วมมือไปยังพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศให้ช่วยกันประหยัดน้ำอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ทำนาปรัง หากยังทำนาปรังต่อเนื่องเต็มที่เหมือนเช่นปีที่ผ่านมาจะทำให้ต้องใช้น้ำเพิ่มขึ้น อันจะส่งผลต่อปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่น้อยลดน้อยลงตามไปด้วยและจะทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างแน่นอน ดังนั้นเกษตรกรจึงควรลดทำนาปรังครั้งที่ 2 แล้วหันไปปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแทนเพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำที่วางไว้ 
 "เฉพาะในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาขณะนี้ได้วางแผนการใช้น้ำจากเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ เขื่อนป่าสักฯ และการผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองอีกส่วนหนึ่ง รวมกันเป็นจำนวน 8,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ปัจจุบัน (27 ม.ค.) มีการใช้น้ำไปแล้ว 4,610 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 58 ของแผนการจัดสรรน้ำทั้งหมดในลุ่มน้ำเจ้าพระยา คงเหลือปริมาณน้ำที่จะนำมาใช้ได้ตามแผนการจัดสรรน้ำตลอดช่วงฤดูแล้งที่เหลืออีก 3 เดือน จำนวน 3,390 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น ในขณะที่น้ำต้นทุนส่วนหนึ่งก็ต้องสำรองไว้ไล่น้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงฤดูแล้งหนักเดือนมีนาคม-เมษายนอีกด้วย" รองอธิบดีกรมชลประทานยืนยัน
  การเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูแล้งที่ปีนี้คาดว่าจะแล้งหนักและยาวนานกว่าทุกปี ลำพังแค่หน่วยงานเล็กๆ อย่างกรมชลประทานคงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ หากรัฐบาลยังคงนิ่งเฉยไม่ลงมาแก้ปัญหาอย่างจริงจังทั้งระบบ
เตือนชาวนาพิจิตรงดทำนาปรังรอบสอง
  ชลประทานพิจิตร เตือนย้ำเกษตรกรงดทำนารอบสอง หวั่นเผชิญปัญหาขาดแคลนน้ำ หากฝืนปลูกอาจเสียหายหนัก เนื่องจากน้ำต้นทุนน้อย เตรียมนำตัวแทนเกษตรไปดูน้ำต้นทุนหากชาวนายังไม่หยุดทำนา
  ประเวศน์ ศิริศิลป์ ชลประทานพิจิตร เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำของจังหวัดพิจิตรว่า คาดว่าปัญหาขาดแคลนน้ำจะรุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากน้ำต้นทุนในปี 2552/2553 ปริมาณน้ำต้นทุนจากเขื่อนต่างๆ ในจังหวัดภาคเหนือ เช่น เขื่อนสิริกิตติ์ เขื่อนภูมิพล และแหล่งกักเก็บน้ำอย่างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ต่างๆ ปีนี้ปริมาณน้ำน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ปัจจุบันนำต้นทุนจากเดือนพฤศจิกายนจนถึงปัจจุบันนี้ ใช้น้ำไปแล้ว 47% เหลือน้ำต้นทุนที่จะสามารถใช้ได้เพียง 2,100 ล้านลูกบาศก์เมตร 
 ส่วนการระบายน้ำเพื่อใช้สอยตามระบบการจัดการน้ำวันละ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งหากปล่อยติดต่อกัน 100 วัน น้ำที่สำหรับใช้ก็จะหมด ซึ่งในการบริหารจัดการน้ำนั้นไม่สามารถปล่อยน้ำทั้งหมดได้ จึงฝากเตือนพี่น้องประชาชนให้หยุดการทำนาปรังรอบสองเนื่องจากเหตุผลดังกล่าว
 ชลประทานพิจิตร กล่าวอีกว่า ขณะนี้จังหวัดพิจิตรมีเกษตรกรในระบบชลประธานลงมือเพราะปลูกแล้ว 3 แสนไร่ นอกระบบชลประธานอีก 5 หมื่นไร่ และมีแนวโน้มว่าจะทำนาเพิ่มขึ้น ซึ่งเราได้ย้ำเตือนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ซึ่งหากการแจ้งเตือนยังไม่เป็นผลก็จะเชิญแกนนำของเกษตรกรเพื่อพาไปดูแหล่งน้ำต้นทุนให้เกษตรกรเห็นภาพว่าน้ำต้นทุนน้อยและไม่พอในการทำนาจริงๆ
สุรัตน์ อัตตะ








ข่าวที่เกี่ยวข้องหนังหายนะโลกร้อนการตื่นตัวของมวลชน...สู่แผ่นฟิล์มชาวสวนเฮปีหน้าลุ้นราคายางพุ่ง30%อ่าวไทยทำพลังงานลมดีที่สุด

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

เปิดม่านการศึกษาประจำวันที่1ก.พ.

เปิดม่านการศึกษาประจำวันที่1ก.พ.





คมชัดลึก : 0 "นิวัตร นาคะวช" รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เครื่องร้อน! รับตำแหน่ง "ประธานสมาคมสภาผู้ปกครองและครูแห่งประเทศไทย" ไม่ถึงเดือนเรียกประชุมสมาชิกเมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ 29 ม.ค. ที่ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา แหม!บรรดาผู้ปกครองและครูต่างยินดีและอบอุ่นใจ ที่มี "ผู้นำคนใหม่" ขยันขันแข็งจริงๆ นะขอบอก!






 0  คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ขอเชิญนิสิต นักศึกษา สื่อมวลชน และผู้สนใจทั่วไป เข้าร่วมงานสัมมนาวิชาการ หัวข้อ "วารสารศาสตร์แห่งอนาคต" ในวันที่ 6-7 ก.พ. 2553 เวลา 09.00-16.00 น. ณ ห้อง 10201 อาคาร 10 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ภายในงานมีหัวข้อสัมมนา เรื่อง ก้าวทันสื่อสิ่งพิมพ์อนาคต, บทบาทนักข่าวในยุค3G, กฎหมายและจริยธรรมของนักวารสารศาสตร์แห่งอนาคต และ หลักสูตรวารสารศาสตร์แห่งอนาคต
 0 จุฬาฯ รับป.โท-เอก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาการศึกษานอกระบบโรงเรียน รับสมัครเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโท (ในเวลา) และปริญญาเอก (ในเวลาและนอกเวลา) ประจำปีการศึกษา 2553 สอบถามรายละเอียดได้ที่โทร.0-2218-2558 ถึง 710-720 สอบ CU-TEP เปิดลงทะเบียน 1-11 ก.พ. สอบวันที่ 14 มี.ค. สอบ GREAT-R ซื้อใบสมัคร วันนี้-5 ก.พ. สอบวันที่ 20 ก.พ. ติดต่อสอบ CU-TEP โทร.0-2218-3717 สอบ GREAT-R ติดต่อ 0-2218-2546 หรือ www.atc.chula.ac.th (บัณฑิตวิทยาลัย) ดูเมนูการรับสมัคร  www.grad.chula.ac.th/
ครูแจ่ม








ข่าวที่เกี่ยวข้องมรภ.ธนบุรีผุดสาธิตแห่งแรกในสมุทรปราการรับผิดชอบสังคมหัวใจนิเทศมมส.เรียนรู้ตามศักยภาพอนุบาลจังหวัดเพชรบุรีมองผ่านเลนส์คม - กรรมการ...

ประมวลรายชื่อคณะกรรมการคมชัดลึก อวอร์ดครั้งที่ 7

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียวก๋วยเตี๋ยว

ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียวก๋วยเตี๋ยว



คมชัดลึก :สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รัก






คราวที่เราพูดถึง ก๋วยเตี๋ยว และ บะหมี่ ซึ่งแปลว่า noodles เป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ noodle อย่างที่ทุกคนคิด ต้องมี s ตอนท้าย  ยกตัวอย่างครับ...
Would you like a plate of noodles? (คุณจะรับก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่งไหม)I feel like some noodles. (ผมอยากกินก๋วยเตี๋ยว)I’d like some egg noodles, please. (ฉันขอบะหมี่ค่ะ)ย้ำอีกครั้ง อย่าเป็นคนล้าสมัย อย่าไปพูดหรือเขียนว่า noodle ในความหมายว่า ก๋วยเตี๋ยว เพราะไม่เท่ เชยมาก ทุกครั้งที่พูดถึงก๋วยเตี๋ยวก็ใช้ noodlesแล้ว คำว่า noodle โดยไม่มี s ถ้าใช้ noodles เป็นรูป adjective ที่วางตำแหน่งนำหน้าคำนามคงต้องตัด s ออก เช่นThailand is famous for its noodle dishes. (ประเทศไทยมีชื่อเสียงเรื่องอาหารประเภทก๋วยเตี๋ยว)Do you have a noodle menu? (คุณมีรายการอาหารประเภทก๋วยเตี๋ยวไหม)แต่คำว่า noodle มีอีกความหมายหนึ่งในเชิงสแลง นั่นคือ…ศีรษะUse your noodle! ประโยคนี้เป็นสำนวนที่แปลว่า ใช้ความคิดหน่อย! พ่อแม่ หรือคุณครู จะชอบพูดประโยคนี้เมื่อลูกหลานทำอะไรไม่ถูก ไม่ได้ใช้ความคิด เป็นศัพท์สแลงที่น่ารักดีครับ พบกันใหม่ อย่าลืมว่าภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียวครับ








ข่าวที่เกี่ยวข้องจานเด่นคนดัง-โปรดปรานอาหารเส้นเสาร์ที่ 30 มกราคม 2553

ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว-บะหมี่มาร์คชี้ปฏิรูปการเมืองมีความหมายกว่าแก้รธน.อย่ากะพริบตา"ป๊อก-เสธ.แดง"

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

กรมประมงดันการประกันภัยภาคการประมง

กรมประมงดันการประกันภัยภาคการประมง



คมชัดลึก : กรมประมง เร่งผลักดันระบบประกันภัยให้เข้าสู่ภาคการประมงของไทย หวังช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกรและชาวประมง






ดร.นันทิยา อุ่นประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมงเปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นผู้นำในภาคการประมงของโลก โดยผลผลิตรวมของการทำประมงทั้งจากการเพาะเลี้ยง และการจับจากธรรมชาติ อยู่ระหว่าง 3.6-4.1 ล้านตันต่อปี สามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศปีละกว่า 2 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการรักษาระดับตัวเลขทางเศรษฐกิจไว้ได้ แต่ในภาคการผลิตเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงและชาวประมงตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ต่างยังต้องเผชิญกับปัญหานานับประการ ได้แก่ ภัยธรรมชาติ ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง มลพิษ นอกจากนี้ยังมีปัญหาของโรคระบาด ราคาผลผลิตตกต่ำ หรือเหตุร้ายที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดหมาย ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนแก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงและชาวประมงทั้งสิ้น ดังนั้นหากมีแนวทางที่สามารถรองรับความเสียหายต่างๆ ได้ ก็เชื่อว่าจะช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงและชาวประมงให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
 รองอธิบดีกรมประมงกล่าวต่อไปว่า การประกันภัยภาคการประมงเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะสามารถช่วยบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งในปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกได้นำการประกันภัยเข้ามาใช้ในภาคการประมงแล้ว โดยในส่วนของประเทศไทย กรมประมงกำลังพยามยามผลักดันและหาแนวทางเพื่อสนับสนุนให้เกิดการประกันภัยในภาคการประมงอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต   








ข่าวที่เกี่ยวข้อง "มิสกวัน บัวรา"สกัดตลาดหมื่นล้าน..ค้าสัตว์สพภ.จับมือ 9 หน่วยงานภาครัฐ
ร่วมพัฒนาศก.จากฐานชีวภาพ

บ่อปลาจากร่องสวนยาง
สร้างเม็ดเงิน "อนันต์ ชูปาน"

ช่วยชาวประมงพื้นบ้านบ้าง

กรมประมงวางปะการังเทียมสร้าง"บ้านปลา"ให้คนชาวเล

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

การเพาะเลี้ยงสาหร่ายไก

การเพาะเลี้ยงสาหร่ายไก



คมชัดลึก :สาหร่ายน้ำจืดที่เป็นอาหารพื้นบ้านของคนแถบริมแม่น้ำโขงและแม่น้ำสายใหญ่ทางเหนือของไทยที่รู้จักกันดีก็คือสาหร่ายที่เรียกกันว่า ไก ซึ่งเป็นสาหร่ายสีเขียวเป็นเส้นเหมือนเส้นผม และที่สำคัญคือสาหร่ายชนิดนี้เป็นอาหารชั้นดีของปลาบึก






  ปกติแล้วไกจะพบได้มากในช่วงฤดูหนาวและร้อน ซึ่งจะเจริญได้ดีในสภาพน้ำสะอาดใสและตื้น พอมีฝนตกลงมามาก ไกก็จะหายไป ดังนั้นในแต่ละปีจะมีไกให้เราหามาปรุงอาหารได้เพียง 3-5 เดือนเท่านั้น แต่ความที่ไกเป็นที่ต้องการของตลาดได้ทั้งปี รวมทั้งตอนนี้ก็มีกิจการเลี้ยงปลาบึก ซึ่งต้องการใช้ไกเป็นอาหารจำนวนมาก จึงเกิดการเพาะเลี้ยงไกขึ้นมา
 กลุ่มนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งนำโดย รศ.ดร.ศิริเพ็ญ ตรัยไชยาพร เป็นหัวหน้าทีม ได้ร่วมกันศึกษาหาวิธีเพาะเลี้ยงไก โดยใช้น้ำทิ้งจากโรงอาหาร ซึ่งยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุอาหารต่างๆ อยู่มาก มาเป็นเครื่องมือสำหรับเลี้ยงสาหร่าย โดยนำน้ำดังกล่าวมาผสมน้ำในอัตราส่วนต่างๆ กัน แล้วก็ไปเก็บสาหร่ายไกมาจากแม่น้ำน่าน ซึ่งปกติไกเหล่านี้จะเกาะอยู่บนก้อนหิน ก็เก็บมาทั้งก้อนหินแล้วมาลองเลี้ยงในอ่างแก้วเหมือนตู้ปลาขนาดใหญ่แล้วให้อากาศเหมือนการเลี้ยงปลาทั่วไป
  เลี้ยงไว้อย่างนั้น 1 เดือน ก็พบว่าการใช้น้ำทิ้งที่ได้มาจากโรงอาหารโดยไม่ต้องนำมาผสมน้ำให้เจือจางเลย หรือผสมน้ำเพียง 20% ทำให้สาหร่ายไกเติบโตได้ดีที่สุด เพราะสาหร่ายได้อาหารจากน้ำทิ้งดังกล่าวให้เป็นประโยชน์ในการเติบโต ผลผลิตที่ได้ก็มากเกือบครึ่งกิโลกรัมต่อตารางเมตร สรุปก็คือน้ำทิ้งที่ปกติจะต้องปล่อยลงท่อระบายน้ำ เมื่อนำมาใช้ประโยชน์ให้ถูกทาง ก็สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้เช่นกัน
 อย่างในกรณีนี้ เมื่อนำน้ำทิ้งมาใช้ในการเพาะเลี้ยงสาหร่าย ก็เป็นแนวทางหนึ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์ในการสร้างรายได้ และสร้างแหล่งอาหารสำหรับการเลี้ยงปลาบึก เหตุที่ไม่ได้แนะนำให้นำมาใช้เป็นอาหารของคนก็คงเป็นเพราะว่าวัตถุดิบที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงนั้น ดูแล้วคงไม่เหมาะที่จะผลิตอาหารบริโภค แต่แนวคิดเรื่องการเพาะเลี้ยงไกจนได้ผลเช่นนี้ ก็หมายความว่าถ้ามีการจัดระบบการเลี้ยงที่ได้สุขลักษณะ รวมทั้งใช้สารอาหารที่เหมาะสมเหมือนกับการปลูกผักแบบใช้สารละลายหรือไฮโดรโปนิกส์ ก็น่าจะได้ไกที่มีคุณภาพสูงและถูกสุขลักษณะที่สามารถนำมาใช้เป็นอาหารคนได้ทั้งปี แทนที่จะต้องรอเก็บจากธรรมชาติในบางฤดูเท่านั้น
 และที่สำคัญคือตอนนี้ความนิยมในการบริโภคไกก็เริ่มแพร่หลายมากขึ้น ไม่เฉพาะในหมู่คนพื้นบ้านที่อยู่ใกล้แม่น้ำเท่านั้น แต่บรรดานักท่องเที่ยวที่ได้ไปเยือนเมืองน่านหรือเชียงราย เมื่อได้ลองชิมไกในรูปแบบต่างๆ แล้ว รู้สึกพอใจในรสชาติ และอีกอย่างหนึ่งคือคุณค่าทางอาหารของไกก็สูงมากด้วยเช่นกัน กลายเป็นอาหารสุขภาพอย่างดีอีกชนิดหนึ่งซึ่งเป็นของพื้นเมืองไทยเรา
 อย่างไรก็ตาม เมื่อเราเพาะเลี้ยงสาหร่ายไก โดยการใช้น้ำทิ้งจากโรงอาหารได้แล้ว เรื่องการพัฒนาต่อโดยใช้ความรู้ดังกล่าวต่อยอดต่อไปถึงการผสมสูตรอาหารที่เหมาะสมในการเพาะเลี้ยงก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก ก็หวังว่าคณะนักวิจัยกลุ่มนี้คงจะช่วยกันพัฒนาต่อไป เพราะมีโอกาสสร้างอาชีพให้แก่เกษตรกรหรือคนที่อยู่ใกล้แม่น้ำได้สร้างรายได้เสริม หรือยิ่งไปกว่านั้นคือกลายเป็นอาชีพหลักก็เป็นได้ โดยสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือความสะอาดและถูกสุขลักษณะ เพราะไกเมื่อเก็บจากธรรมชาตินั้น บางครั้งก็ยังมีทรายติดมาด้วย แต่หากเพาะเลี้ยงในสภาพที่เหมาะสมก็คงจะหมดปัญหาเรื่องนี้ไป และน่าจะเป็นการขยายตลาดไกให้กว้างขวางมากขึ้นได้ครับ
รศ.ดร.พีรเดช ทองอำไพ








ข่าวที่เกี่ยวข้องลองของใหม่ประจำวันที่24 ม.ค.ทต.หนองสาหร่ายดึงอปท.10แห่งแข่งขันกีฬาท้องถิ่น เจ๊าะแจ๊ะวิทยาศาสตร์-ทำไม?ถ้ำมรกตถึงต้องเป็นสีเขียวไก่บุ่นเซียว ต้นกำเนิดข้าวมันไก่ไหหลำ

คนร้ายกระชากสร้อยแม่ดาราสาว"เข็ม"รุจิรา

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

เจ๊าะแจ๊ะวิทยาศาสตร์สุดยอดที่สุดของสิ่งมีชีวิต

เจ๊าะแจ๊ะวิทยาศาสตร์สุดยอดที่สุดของสิ่งมีชีวิต



คมชัดลึก : หลังจากได้รับอภินันทนาการจาก บริษัท นานมีบุ๊คส์ หยิบยกหนังสือแนววิทยาศาสตร์หลากหลายเล่ม วันนี้ พี่ฮัมมิ่งเบิร์ด เลยขอยกประเด็นจากหนังสือ "สุดยอดที่สุดของสิ่งมีชีวิต" ซึ่งเป็นเรื่องราวความมหัศจรรย์ของสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่งแบบสุดๆ






เริ่มด้วย เจ้าแห่งการต่อย ได้แก่ กั้งตั๊กแตน มีลักษณะก้ามโตคล้ายกระบอก 2 อัน มันสามารถใช้ก้ามต่อยศัตรูหรือเหยื่อ เช่น หอยทาก ปลาตัวเล็กๆ ปูทะเลให้สลบได้ด้วยความเร่งในการต่อย 23 ม.ต่อวินาที หลังจากเหยื่อสลบ มันใช้ก้ามอีกข้างตีเหยื่อให้แตกเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อกินได้สะดวกขึ้น โดยพลังมหาศาลของเจ้ากั้งตั้กแตนเกิดจากกลไกที่คล้ายกับการคลี่ของกลีบดอกไม้ ก้ามอันใหญ่จะมีลักษณะเป็นตะขอเกี่ยวไว้กับลำตัว
 เมื่อแรงกระทำให้ก้ามเปลี่ยนจากโค้งงอเป็นเหยียดตรง แรงที่เกิดจึงมีพลังมาก สัตว์ที่แข็งแรงที่สุดในโลก หากนึกถึงสัตว์ที่แข็งแรงที่สุด น้องๆ หลายคนอาจคิดว่า ช้าง เหมือนพี่แน่เลย เพราะช้างสามารถยกของหนักๆ อย่างท่อนซุงได้สบายๆ แต่จริงๆ แล้วสัตว์ที่แข็งแรงที่สุดในโลกคือ เจ้า มดตัดใบไม้ ค่ะ เพราะเมื่อนำน้ำหนักของมดตัดใบไม้มาเทียบกับน้ำหนักของที่ยกได้ มันสามารถแบกน้ำหนักของที่มากกว่าตัวมันถึง 12 เท่าเลยทีเดียว หรือถ้าเปรียบง่ายๆ คือ หากเราเป็นมดตัดใบไม้ เราจะแบกพ่อแม่ปู่ยาตายายได้พร้อมๆ กันอย่างสบาย และด้วยเหตุนี้เจ้ามดตัดใบไม้จึงเป็นสัตว์ที่แข็งแรงที่สุดในโลก ต่อด้วย เจ้าแห่งความเก่าแก่ที่สุดในโลก จากการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์
 2 ใน 3 ของสิ่งมีชีวิตที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลกคือ พืช โดยพืชที่มีความเก่าแก่อันดับ 1 คือ ต้นโอ๊กในอเมริกาเหนือ มีอายุถึง 11,700 ปี เพราะเจ้าพืชชนิดนี้อยู่ได้โดยไม่ต้องอาศัยน้ำนานถึง 2 ปี อันดับ 2 คือ ฟองน้ำทะเล มีอายุ 10,000 ปี และอันดับ 3 พืชตระกูลสนจากแคลิฟอร์เนีย มีอายุถึง 4,700 ปี "วิทยาศาสตร์" ยิ่งเรียนรู้ยิ่งมีสิ่งใหม่ๆ ให้ตื่นตาตื่นใจได้ตลอดว่าไหมคะน้องๆ แล้วพบกันในสัปดาห์หน้าจ้า








ข่าวที่เกี่ยวข้อง"กึ้ย"ศุภชัยทายาทโรงแรมโฟร์วิงส์หนุ่มโสดในฝันมัดใจสาวตรวจสอบความเข้าใจจีที200ที่ตลาดบางนาด สารพันไอทีประจำวันที่31ม.ค.อาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2553

มุมหนังสือประจำวันที่ 31 ม.ค.

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

Blog Archive