Tuesday, December 25, 2012

ประโยชน์แท้จริงของยาทำให้นอนหลับ ที่แท้เกิดขึ้นเองในจิตใจของคนไข้ทั้งสิ้น

ประโยชน์แท้จริงของยาทำให้นอนหลับ ที่แท้เกิดขึ้นเองในจิตใจของคนไข้ทั้งสิ้น
นักวิจัยซึ่งได้ศึกษาคุณประโยชน์ของยานอนหลับขนานต่างๆ กล่าวว่า คุณประโยชน์ของยาเหล่านี้ ครึ่งหนึ่งเกิดขึ้นในจิตใจของผู้ใช้เองนักวิจัยทั้งของมหาวิทยาลัยลินคอล์นและโรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ดของสหรัฐฯ กล่าวว่า “ความสำคัญทางด้านการแพทย์ของยาเหล่านี้เป็นที่น่าสงสัย” และเปิดเผยผลการศึกษาว่า ยาพวกนี้จะออกฤทธิ์ก็ต่อเมื่อคนไข้เกิดความรู้สึกในใจขึ้นแล้วเท่านั้น ยังไม่พบหลักฐานในการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า ยาเป็นคุณประโยชน์ในการแก้ปัญหาการนอน แบบเดียวกับคุณประโยชน์ของการนอน อย่างพอเพียงเลย.

แผนการศึกษาชาติดีแน่ แต่นำไปปฏิบัติได้ยาก!

แผนการศึกษาชาติดีแน่ แต่นำไปปฏิบัติได้ยาก!
สกศ. ปั้น 7 ยุทธศาสตร์ตามแผนพัฒนาประเทศ-รัฐบาล เอกสารดีใช้อ้างอิงได้การศึกษาไทยดีแน่ แต่นำไปใช้ปฏิบัติได้ยาก พร้อมรับฟังความเห็น และเร่งแก้ไขปัญหาการศึกษาไทยเข้าขั้นโคม่า จากการประชุมวิชาการเรื่องแผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2 (พ.ศ.2555-2559) โดยรับฟังความคิดเห็นในวงกว้าง ดร.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2555-2559 จำเป็นต้องมีการปรับปรุงให้ทันสมัย ซึ่งเป็นแผนหลักที่ทุกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องรวมถึงรัฐบาลต้องดำเนินการเพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ร่วมกัน คาดว่าจะปรับปรุงเสร็จและประกาศใช้ในเดือน พ.ค.2556 ขณะเดียวกัน ในเดือน ม.ค.2556 สกศ.จะจัดทำยุทธศาสตร์การจัดการศึกษาชาติ พ.ศ.2555-2558 โดยคำนึงถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ รวมทั้งนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเบื้องต้น สกศ.จะเสนอ 7 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์การจัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพ, การสร้างรายได้ และขยายโอกาสทางการศึกษา, การปฏิรูปครูให้เป็นวิชาชีพชั้นสูง, การใช้งานวิจัยทางการศึกษา, การจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา, การใช้เทคโนโลยีกับการศึกษา, การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน นอกจากนี้ สกศ.จะจัดทำข้อมูลและสถิติทางการศึกษา ทั้งเรื่องสัดส่วนนักเรียนต่อครู, การเข้าเรียนและจบของนักเรียนแต่ละช่วงชั้น, จำนวนนักเรียนชายซึ่งลดน้อยลง ในการเรียนสายสามัญจะเข้าสู่การเรียนสายอาชีพหรือไม่, จำนวนประชากรที่เข้าเรียนสถาบันอุดมศึกษาที่ลดน้อยลง, รวมทั้งการติดตามดูว่าประชากรที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ยังสามารถอ่านออกเขียนได้อยู่หรือไม่ เลขาธิการ สกศ. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สกศ.จะติดตามและประเมินผลยุทธศาสตร์ 7 ประการ ดังกล่าว เพื่อติดตามว่าหน่วยงานต่างๆ มีการนำยุทธศาสตร์ไปใช้หรือไม่ และแก้ไขปัญหาต่างๆ หรือไม่ ทั้งจะเดินสายรับฟังความคิดเห็นการจัดทำยุทธศาสตร์นี้ในแต่ละภูมิภาคก่อนประกาศใช้ด้วย ทั้งนี้ แผนการศึกษาชาติเป็นแผนใหญ่ของประเทศที่ทุกหน่วยงานจะต้องปฏิบัติตาม ส่วนยุทธศาสตร์การจัดการศึกษาปรับให้สอดคล้องกับนโยบายของแต่ละรัฐบาลได้ จากการเปิดอภิปายทั่วไป รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า แผนการศึกษาชาติเป็นแผนการศึกษาชาติฉบับวรรณกรรมวิชาการ เพราะเอกสารดีใช้อ้างอิงได้ อ่านแล้วมีความสุข การศึกษาไทยดีแน่ แต่นำไปใช้ปฏิบัติได้ยาก อย่างไรก็ตาม การนำเสนอแผนการศึกษาชาติต่อ ครม. จะต้องหาจุดเด่นให้ ครม.ทึ่ง ให้เห็นว่าการศึกษาไทยอยู่ในขั้นวิกฤติหรือโคม่า จะต้องรีบทำแผนนี้จึงมีชีวิต 

ภาคประชาชนจี้บังคับใช้ พ.ร.บ.ทางหลวง รับมือปีใหม่

ภาคประชาชนจี้บังคับใช้ พ.ร.บ.ทางหลวง รับมือปีใหม่
“ภาคประชาชน” จี้ ผบ.ตร.ทางหลวง บังคับใช้ พ.ร.บ.ทางหลวง รับมือปีใหม่ วอนเอาผิดร้านค้าตั้งโต๊ะขายเหล้าเบียร์ริมถนนหน้าปั๊ม ซัดโกยเงินไม่สนกฎหมาย ชี้จุด ระบาดถนนสายสำคัญ สระบุรี-แก่งคอย...วัน ที่ 25 ธ.ค. ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง นายจะเด็จ  เชาวน์วิไล ที่ปรึกษาเครือข่าย ผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  พร้อมด้วย เครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพฯ เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กว่า 30 คน เดินทางเข้า ยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ พล.ต.ต.พงษ์สิทธิ์  แสงเพชร  ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เพื่อขอให้บังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ตั้งแผงลอยขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ริมทางและกฎหมายห้ามดื่มบนรถนายจะเด็จ  กล่าวว่า ภาคประชาชน ได้สนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ในช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาวเช่น ปีใหม่ สงกรานต์ ปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ความไม่ปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งจะพบว่าในถนนทางหลวง ที่มีผู้สัญจรไปมาจำนวนมาก รถเคลื่อนตัวได้ช้า โดยเฉพาะจุดที่มีสถานีบริการ น้ำมันเชื้อเพลิง จะเป็นจุดแวะพักที่สำคัญ แม้มีกฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณดังกล่าว แล้วแต่ปัญหาที่พบคือผู้ค้ารายย่อย ใช้โอกาสนี้นำสินค้า และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาวางขายริมถนนปากทางเข้าและออกสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง เช่น จากสระบุรีขึ้นไปอำเภอแก่งคอย มีให้เห็นเป็นจำนวนมาก“การขายในลักษณะ นี้ ทำให้เกิดการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ง่าย ส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุบัติเหตุ และมีความผิดตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ. 2535 มาตรา 38, 39 และมาตรา 44 รวมไปเป็นการส่งเสริมให้เกิดการดื่มบนรถซึ่งเป็นความผิดตามประกาศสำนัก นายกรัฐมนตรี  เรื่องกำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทาง ซึ่งเป็นกฎหมายออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. 2555 เป็นต้นมา มีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นายจะเด็จ  กล่าวนายจะเด็จ  กล่าวอีกว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นภาคประชาชนขอแสดงจุดยืนและเรียกร้อง ต่อกองบังคับการตำรวจทางหลวงดังต่อไปนี้ 1. ขอให้บังคับใช้ พ.ร.บ.ทางหลวง มาตรา 38, 39 และมาตรา 44 กับผู้ที่ตั้งร้านขายสินค้า อาหารและที่สำคัญคือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ริมถนนทางหลวง โดยเฉพาะบริเวณทางเข้าและออกสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงจุดพักรถสำคัญๆ เพื่อลดการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และความปลอดภัยในการเดินทางของ ประชาชน 2. เร่งประชาสัมพันธ์และบังคับใช้กฎหมายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถ ขณะอยู่บนทาง ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี  เรื่องกำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทาง และ 3. ขอให้กำลังใจการปฏิบัติงานของตำรวจทางหลวง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในการ ใช้รถใช้ถนนและลดอุบัติเหตุจราจร โดยเครือข่ายซึ่งมีภาคีอยู่ทุกจังหวัด  ยินดีเข้ามามีส่วนร่วมและสนับสนุนการดำเนินงานของตำรวจทางหลวงขณะที่ พล.ต.ต.พงษ์สิทธิ์  กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอของเครือข่ายฯ ซึ่งทางตำรวจจะนำไปบังคับใช้และยินดีกวดขันในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบ หรือขอบเขตที่สามารถทำได้ เพราะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ช่วงปีใหม่สาเหตุหลักของอุบัติเหตุมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวงมีมาตรการให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย ลดยอดอุบัติเหตุ และขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย.

Sunday, December 23, 2012

ส่งเสริมเลี้ยงไก่คอล่อนน้ำหนัก รสชาติ เนื้อนิ่มกว่าไก่พื้นเมือง

ส่งเสริมเลี้ยงไก่คอล่อนน้ำหนัก รสชาติ เนื้อนิ่มกว่าไก่พื้นเมือง
ปศุสัตว์พัทลุงสนับสนุนส่งเสริมเลี้ยงไก่คอล่อนเป็นอาชีพเสริม มีน้ำหนัก รสชาติ เนื้อนิ่มดีกว่าไก่พื้นเมือง เผยรายละ 5,000-8,000 บาทต่อเดือน...เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. นายไพโรจน์ อินทรศรี ปศุสัตว์จังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ในขณะนี้ไก่คอล่อนเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งในและต่างจังหวัดมาก เพราะนอกจากจะต้านทานโรคได้ดีและมีน้ำหนัก รสชาติ เนื้อนิ่มดีกว่าไก่พื้นเมือง ซึ่งมีราคาจำหน่ายสูงอีกด้วย จึงทำให้มีเกษตรกรหันมาเลี้ยงไก่คอล่อนเป็นอาชีพเสริมมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในขณะนี้มีไม่น้อยกว่า 300 ราย โดยทางสำนักงานฯได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปให้การดูแลการเลี้ยง การป้องกันรักษาโรคติดต่อ รวมทั้งการดูแลระบบจัดการและระบบการตลาดและเตรียมผลักดันให้เป็นสินค้า จำหน่ายตามจุดสำคัญๆ ในพื้นที่ จ.พัทลุง ในเร็วๆ นี้ด้าน นายถนัด ดำนุ้ย ประธานกลุ่มเลี้ยงไก่คอล่อนบ้านแพรกหา อ.ควนขนุน จ.พัทลุง กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มเลี้ยงไก่คอล่อนของตนมีสมาชิก จำนวน 40 คน โดยส่วนใหญ่จะนำตาข่ายมากั้นเป็นบริเวณคอกในบริเวณต้นไม้ผล และทำโรงเรือนหลังเล็กๆ สำหรับการวางไข่ เนื่องจากไก่คอล่อนบินไม่สูงเหมือนไก่พื้นเมือง ส่วนมูลไก่ก็เป็นปุ๋ยชั้นดีของต้นไม้ ทำให้ไม้ผลให้ผลผลิตตลอดทั้งปี ส่วนการจำหน่ายนั้นจะมีพ่อค้าทั้งในและต่างจังหวัดมารับซื้อถึงกลุ่ม นอกจากนั้นสมาชิกของกลุ่มยังมีการจำหน่ายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ให้เกษตรกรโดยทั่วๆ อีกด้วย จนส่งผลให้สมาชิกของกลุ่มมีรายได้ไม่น้อยกว่ารายละ 5,000-8,000 บาท/เดือน.

สพป.สตูลตั้งศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครอง-ช่วยเหลือนักเรียน

สพป.สตูลตั้งศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครอง-ช่วยเหลือนักเรียน
สพป.สตูล จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน แก้ปัญหายาเสพติด-ครอบครัว สร้างบุคลากรคุณภาพของประเทศ...เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. นายนิสิต ชายภักตร์ ผอ.สำนักงานพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) สตูล กล่าวว่า สพป.สตูล ได้รับมอบนโยบายจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน (ฉก.ชน.) ประจำ สพป.เพื่อให้การป้องกันช่วยเหลือแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดกับนักเรียน เนื่องจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงในทุกมิติ ทั้งด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการระบาดของสารเสพติด ปัญหาสภาพครอบครัว เพื่อให้สามารถได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีคุณภาพ เจริญเติบโตอย่างปลอดภัยในสังคม เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศในอนาคตนายนิสิต กล่าวอีกว่า ศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน สพป.จะมีเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ที่พร้อมออกไปให้การดูแลคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนใน จ.สตูล รวมทั้งการละเมิดสิทธิเด็กและเยาวชน ปัญหาความเสี่ยงในการถูกคุกคามทางเพศ การตั้งท้องก่อนวัยเรียน ปัญหายาเสพติด ปัญหาเด็กและเยาวชนที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม พร้อมการส่งเสริมดูแลเด็กและเยาวชนที่ประสบปัญหาในการดำเนินชีวิต ให้ได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งนี้ สพป.สตูล ใคร่ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นกำลังในการปกป้องเด็กและเยาวชน โดยหากพบภัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับนักเรียนใน จ.สตูล สามารถโทรแจ้งที่ศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล หมายเลขโทรศัพท์ 0-7472-2314 หรือ 08-9876-2817.

นายก อบจ.เชียงใหม่จี้ออก กม.ห้ามขายเหล้าทางเท้า

นายก อบจ.เชียงใหม่จี้ออก กม.ห้ามขายเหล้าทางเท้า
ผู้บริหารท้องถิ่น-สมาพันธ์ท่องเที่ยว จี้รัฐ ออก ก.ม.ห้ามขายเหล้าทางเท้า ชี้ ไม่ซ้ำซ้อนกำกวม เหตุพ.ร.บ.ความสะอาดฯ มีจุดผ่อนผันเปิดช่อง ย้ำมาตรการนี้ ไม่ได้กลั่นแกล้งใครวันที่ 23 ธ.ค. นายบุญเลิศ  บูรณุปกรณ์  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่  กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ประดิษฐ  สินธวณรงค์  รมว.สาธารณสุข  ระบุว่า ไม่สามารถประชุมคณะกรรมการ นโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เพื่อพิจารณาประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดสถานที่ หรือบริเวณห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางเท้าได้ และมีแนวโน้มว่า กฎหมายตัวนี้ จะไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเกรงว่า จะซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่นๆ ว่า ในภาพรวม หากสามารถบังคับใช้กฎหมายนี้ได้ จะเป็นเรื่องดี ในการป้องปราม ไม่ให้มีการขาย หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บนทางสาธารณะได้ง่าย และไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งผู้มีรายได้น้อย หรือไปซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่นแต่อย่างใดทั้งนี้ ทราบกันดีว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยของปัญหาสังคม หากมีการควบคุม ปัญหาดังกล่าวจะลดลงได้ ยกตัวอย่าง จากจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่มีร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นจำนวนมากหากนำกฎหมายฉบับนี้เข้ามาบังคับใช้จะควบคุมได้มากนายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน กล่าวว่า  การที่พื้นที่ทางเท้าหรือริมทาง กลายเป็นสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีผลต่อสังคมมาก เพราะเป็นการเพิ่มขึ้นของนักดื่มหน้าใหม่ และง่ายต่อการชวนกันมานั่งดื่ม จากนั้นปัญหาอื่นๆ ก็ตามมาเป็นลูกโซ่ ทั้งเรื่อง อุบัติเหตุ สุขภาพอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เรามีกฎหมายห้ามขายในวัด โรงเรียน  ชัดเจน แต่บนทางเท้าไม่มี ซึ่งหากเร่งบังคับใช้หลังจากนี้ก็เชื่อว่าจะส่งผลดี ช่วยสังคมลดปริมาณอุบัติเหตุ และรัฐมนตรีสาธารณสุขควรเปิดรับฟังความคิดเห็นพูดคุยร่วมกับภาคเครือข่ายประชาสังคมด้วย“เรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่ ต้องทำความเข้าใจกับสังคมว่ากฎหมายนี้มีประโยชน์อย่างไรบ้าง ซึ่งร่างกฎหมายเห็นได้ชัดเจนว่ามีการพยายามยื้อกันอยู่ เรื่องจึงติดขัด รัฐมนตรีสาธารณสุข อาจถูกกดดัน ทำให้ต้องชะลอ หรือต้องนำเนื้อหาไปปรับปรุง การระบุว่า สามารถใช้กฎหมายที่มีอยู่แล้ว หรือเกรงว่าจะซ้ำซ้อน กำกวม กับกฎหมายตัวอื่น กฎหมายห้ามขายเหล้าบนทางนั้นหากมีผลออกมา ก็จะไม่เป็นกฎหมายที่ซ้ำซ้อน เพราะหากจะพูดถึง  พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียกร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535  บริเวณฟุตบาทเอง ก็มีจุดผ่อนผัน ประเด็นสำคัญคือ เราต้องคุมเข้มทั้งสองจุดนั้นไม่ให้มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถที่จะทำได้ และจะยิ่งรัดกุมมากขึ้น  ซึ่งไม่ใช่มาระบุว่า การออกกฎหมายนี้จะซ้ำซ้อน กำกวม เพราะเป็นกฎหมายคนละตัวกัน” นายสุรพล  กล่าวนายกเทศมนตรีเมืองน่าน  กล่าวว่า เพื่อผลประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง ตนอยากให้นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ พิจารณาเรื่องนี้ให้รัดกุม รับฟังข้อมูลจากคนทำงาน และควรมานั่งควบคุมดูแลด้วยตัวเอง ไม่ควรมอบหมายให้ใครมาทำหน้าที่แทน  และเป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันทั้งสังคม สื่อประเด็นออกไปสู่สาธารณะให้มากที่สุด อย่าให้เรื่องนี้ตกอยู่ในมือของคนที่มองไม่เห็นปัญหา แม้ปีใหม่นี้จะไม่ทันแต่ต้องคิดไปถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือเทศกาลต่างๆอย่างไรก็ตาม กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และกระทรวงวัฒนธรรรม หนึ่งในกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติควรมีมุมมองเดียวกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วมันจะส่งผลดีและเป็นประโยชน์กับสังคมโดยรวมขณะที่นายสุรพล กำพลานนท์วัฒน์ นายกสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของมุมมอง ถ้าคิดแต่เรื่องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการจะไม่สามารถขับเคลื่อนได้เลย ทั้งๆ ที่เรื่องการออกกฎหมายห้ามขายเหล้าบนทางเป็นเรื่องที่ดี ในอดีตเราไม่เคยมีการรณรงค์ห้ามขายเหล้าในเทศกาล แต่เมื่อได้ทำก็เกิดสิ่งที่ดีขึ้น เมืองไทยมีวัฒนธรรมทีดีงาม บริเวณทางเท้าก็ถือเป็นจุดหนึ่งในสังคม ที่จะแสดงให้เห็นภาพลักษณ์“ทุกวันนี้ภาคส่วนต่างๆ มีการรณรงค์ผลกระทบที่เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งในระดับผู้ใหญ่ก็ต้องยอมรับว่าทำเพื่อลูกหลานในวันข้างหน้า ต้องเห็นว่าอันไหนที่เป็นประโยชน์ต้องรีบทำ ทุกวันนี้งานหาดใหญ่ทุกงาน เรามีสโลแกนพ่วงท้าย ว่าไร้แอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแนวคิดที่สำคัญมาก ที่ต้องรับผิดชอบกับสังคม และเป็นผลดีกับผู้ค้ารายย่อยด้วยซ้ำเพราะเขาขายอาหารได้มากกว่า กำไรดีกว่า ขายน้ำเมา คนรายได้น้อยไม่ควรเสียเงินกับน้ำเมา และไม่เมากลับไปทุบตีลูกเมียด้วย ต่างจากหลายปีที่ผ่านมา หาดใหญ่ เคยมีงานอีเวนต์ ลานเบียร์ ตามเทศกาลต่างๆ ซึ่งมีผลสะท้อน และผลกระทบรอบด้านชัดเจน และบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ไม่เคยออกมารับผิดชอบเลย” นายสุรพล กล่าว  นายสุรพล กล่าวอีกว่า เรื่องการออกกฎหมายห้ามขายเหล้าบนทางเท้านี้  ถ้าเรามัวแต่มานั่งรอผู้รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี หรือราชการ มันต้องใช้ระยะเวลายาวนานมาก กว่าจะมีผลบังคับใช้ เรื่องเร่งด่วนที่สุดในขณะที่เราต้องทำก็คือ  ทั้งเครือข่าย บุคคล นักกิจกรรมทั่วประเทศ  ที่ทำงานขับเคลื่อนเรื่องนี้ ต้องช่วยกันออกมาแสดงความคิดเห็น สะท้อนเสียงประเด็นนี้ ให้เร็วที่สุด ผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการทั้งหมดควรใช้พลังสังคมเข้ามาช่วย หากพลังสังคมเข้มแข็ง นักการเมืองก็ต้องฟัง.

Blog Archive