Saturday, February 23, 2013

สทศ.ย้ำสอบใหม่ โอเน็ตวิทย์ ม.6 เฉพาะ 7 ศูนย์

สทศ.ย้ำสอบใหม่ โอเน็ตวิทย์ ม.6 เฉพาะ 7 ศูนย์
ผอ.สทศ.แจงมติบอร์ด ให้ผู้เข้าสอบโอเน็ต วิทย์ ม.6 เฉพาะ 7 ศูนย์สอบเท่านั้นหลังพบข้อผิดพลาด ย้ำข้อสอบใหม่เป็นข้อสอบที่ทำไว้ก่อนหน้าคู่ขนานกัน เตรียมรับกรณีฉุกเฉิน หรือสุดวิสัย ไม่ใช่ข้อสอบเก่า ไม่ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบแน่นอน...จากกรณีสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ออกประกาศเรื่องการแก้ไขปัญหาการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต ระดับชั้น ม.6 ที่มีการจัดพิมพ์ข้อสอบผิดพลาดในวิชาวิทยาศาสตร์ จำนวน 7 ศูนย์สอบของปีการศึกษา 2555 ซึ่งได้ทำให้นักเรียน ม.6 ที่ได้รับข้อสอบที่ไม่มีข้อผิดพลาดทั้งรหัส 100 และรหัส 200 ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การให้นักเรียนที่ได้ข้อสอบที่ผิดพลาดเข้าสอบใหม่ อาจทำให้เกิดความไม่ยุติธรรม เพราะนักเรียนกลุ่มดังกล่าวเคยเห็นและทำข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์มาแล้วครั้งหนึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2556 รศ.ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ชี้แจงว่า การจัดสร้างข้อสอบโอเน็ตนั้น คณะทำงานจัดสร้างและกลั่นกรองข้อสอบของ สทศ. ได้ดำเนินการจัดทำข้อสอบคู่ขนานไว้ก่อนหน้าที่มีการจัดสอบเรียบร้อยแล้ว โดยข้อสอบคู่ขนาน จะใช้ในกรณีผู้เข้าสอบเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือเหตุสุดวิสัย เช่น ป่วยกะทันหัน หรือประสบอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการจัดสอบโอเน็ต โดยข้อสอบคู่ขนานได้จัดสร้างตามหลักวิชาการ ที่มีความยากง่ายใกล้เคียง หรือเกือบจะเท่ากันกับข้อสอบที่ใช้สอบจริงในรอบปกติ จึงไม่อยากให้นักเรียนเกิดความกังวลว่า จะเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ หรือเพื่อนเคยเห็นข้อสอบมาแล้ว เพราะยืนยันว่าจะไม่ใช้ข้อสอบเดิมที่มีการสอบไปแล้วเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2556 แน่นอน ทั้งนี้ การให้ผู้เข้าสอบทั้ง 7 ศูนย์สอบใหม่นั้น เป็นมติบอร์ด สทศ.ที่ได้ประชุมด่วนเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2556 ซึ่งมอบหมายให้ สทศ. ดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยตั้งคณะทำงานขึ้น 1 ชุด ประกอบด้วย ประธานบอร์ด สทศ. ผอ.สทศ. รองผอ.สทศ. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ฝ่ายกฎหมาย จากนั้นได้มีการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดทุกศูนย์สอบ พบว่ามี 7 ศูนย์สอบที่ได้ข้อสอบที่ผิดพลาด ได้แก่ ศูนย์สอบ ม.นเรศวร, ม.เชียงใหม่, ม.ขอนแก่น, ม.วลัยลักษณ์, ม.นราธิวาสราชนครินทร์, ม.สงขลานครินทร์, ม.ศิลปากร วิทยาเขตสนามจันทร์ ซึ่งมีผู้เข้าสอบที่ได้รับผลกระทบประมาณ 40,000 คน และได้ประกาศแล้วในเว็บไซต์ของ สทศ. ส่วนผู้เข้าสอบทั้ง 7 ศูนย์สอบ ที่ได้ข้อสอบที่ถูกต้อง แต่ได้รับผลกระทบจากผู้คุมสอบที่ให้หยุดสอบ ทำให้เหลือเวลาสอบน้อย สามารถยื่นคำร้องขอสอบรอบพิเศษได้จนถึงวันที่ 26 ก.พ.นี้ ที่ สทศ. หรือเว็บไซต์ของ สทศ. เพราะ สทศ.จะตรวจจากกระดาษคำตอบเท่านั้น.

กระทิงแดงรวมพลังใจอาสา เปิดประตูสู่ ผืนป่าตะวันตก

กระทิงแดงรวมพลังใจอาสา เปิดประตูสู่ ผืนป่าตะวันตก
อาสาเรดบูลสปิริตทั่วประเทศกว่า 600 คน รวมพลังสดใส ใจอาสา ปีที่ 5 ร่วมสร้างฝายทำโป่งเทียม แนวกันไฟป่าและแนวรั้วไฟฟ้าจัดการพื้นที่ให้คนและสัตว์ป่าได้อยู่ร่วมกันอย่างสมดุล ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี... เมื่อเร็วๆ นี้ คุณสมคิด รุจีปกรณ์ ผู้จัดการแผนกกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด นำอาสาภายในของบริษัทฯ พร้อมบริษัทในเครือและอาสาเรดบูล สปิริตทั่วประเทศกว่า 600 คน ร่วมเดินทางทำกิจกรรมรวมพลังสดใส ใจอาสา ปีที่ 5 ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี ด้วยความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่จาก 3 หน่วยงาน คือ เขตรักษาพันธุ์สัตส์ป่าสลักพระ สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์เขาน้ำพุ และสถานีควบคุมไฟป่า กิจกรรมที่อาสาสมัครได้ร่วมทำบนพื้นที่กว่า 20,000 ไร่แห่งนี้ ประกอบไปด้วย การปรับสภาพพื้นที่บริเวณแนวรั้วไฟฟ้าเป็นการช่วยจัดการพื้นที่ให้คนและสัตว์ป่าได้อยู่ร่วมกันอย่างสมดุล การทำแนวกันไฟจะช่วยจำกัดพื้นที่ในการไหม้ป่า ไม่ให้ลุกลามเป็นพื้นที่ใหญ่ ส่วนฝายชะลอน้ำขนาด 30 เมตร ที่อาสาร่วมกันลงแรงนั้น ช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้กับผืนป่า นอกจากนี้ ยังมีการทำโป่งเทียมและการปลูกพืชอาหารสัตว์เพื่อเป็นแหล่งอาหารให้สัตว์ป่า ซึ่งบรรยากาศในการทำกิจกรรมครั้งนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสนุกสนาน ระหว่างอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ สำหรับกิจกรรมรวมพลังสดใส ใจอาสานี้ โครงการเรดบูล สปิริต ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการรวบรวมให้อาสาสมัครได้พบปะ และแชร์ประสบการณ์งานอาสาร่วมกัน อีกทั้งยังเป็นการขอบคุณอาสาสมัครเรดบูล สปิริต ที่ได้ร่วมทำกิจกรรมมาโดยตลอดด้วย.

เยาวชนไทยมีลุ้น สมัคร I Can Fly ร่วมทำงานด้านการบิน

เยาวชนไทยมีลุ้น สมัคร I Can Fly ร่วมทำงานด้านการบิน
คัดเลือกเยาวชนรุ่นใหม่ อายุ 15-17 ปี ร่วมกิจกรรม I Can Fly ศึกษาธุรกิจการบินและงานด้านการบินของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค และร่วมฏิบัติงานจริง...สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ขอเชิญเยาวชนรุ่นใหม่ อายุระหว่าง 15–17 ปี ที่สนใจในธุรกิจการบินและมีความต้องการทำงานด้านการบิน สมัครเข้าร่วมกิจกรรม I Can Fly กิจกรรมเพื่อการศึกษาของคาเธ่ย์ แปซิฟิค ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้กระบวนการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ของธุรกิจการบินจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงได้ฝึกปฏิบัติงานจริง ทั้งนี้ ตัวแทนเยาวชนที่ได้รับคัดเลือกหลังจากเข้าร่วมโครงการจะได้รับโอกาสเข้าเยี่ยมชมสำนักใหญ่ของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ณ ฮ่องกง ผู้สนใจสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 25 มี.ค. 2556 สำหรับโปรแกรม I Can Fly จัดขึ้นครั้งแรกที่ฮ่องกงในปี พ.ศ.2546 เพื่อเป็นการสร้างเสริมศักยภาพ พร้อมพัฒนาทักษะให้กับเยาวชน ผู้สนใจในธุรกิจการบิน รวมถึงการทำกิจกรรมเพื่อตอบแทนสู่สังคมด้วย สำหรับกิจกรรม I Can Fly ในประเทศไทยได้รับการจัดขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยในปีแรก มีเยาวชนให้ความสนใจเข้าร่วมสมัครเป็นจำนวนมากโดยผู้ที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรม จะได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมมากมาย เริ่มตั้งแต่การรับฟังบรรยายถึงความรู้ทั่วไปในธุรกิจการบิน เยี่ยมชมการปฏิบัติงาน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมพูดคุยกับพนักงานในหน่วยงานต่างๆ ของคาเธ่ย์ แปซิฟิค เช่น พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน พนักงานภาคพื้นดิน หรือวิศวกรเครื่องบิน เป็นต้น รวมถึงกิจกรรมที่น่าสนใจอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เยาวชนที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.cathaypacific.com/th และสามารถเข้าร่วมการประกวด โดยการส่งเรียงความภาษาไทย ในหัวข้อ “อุตสาหกรรมการบินและอาชีพด้านการบินในความสนใจของข้าพเจ้า (My career interest and passion in aviation)” ความยาว 1 หน้ากระดาษ A4 หรือภาษาอังกฤษความยาว 500-700 คำ พร้อมใบสมัครโปรแกรม “I Can Fly” มาที่อีเมล์ icanflythailand@cathaypacific.com ภายในวันที่ 25 มี.ค. 2556 จากนั้นคณะกรรมการตัดสินจะดำเนินการพิจารณาจากผลงานที่ส่งเข้ามา และติดต่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกผ่านทางอีเมล์ ภายในวันที่ 5 เม.ย. 2556. 

Friday, February 22, 2013

จี้ ศธ.ปั้นบัณฑิตตาม คุณวุฒิชาติ ส่งตลาดอาเซียน

จี้ ศธ.ปั้นบัณฑิตตาม คุณวุฒิชาติ ส่งตลาดอาเซียน
จี้กระทรวงศึกษาฯ ปั้นบัณฑิตตามกรอบ คุณวุฒิแห่งชาติ สร้างบุคลากรตรงตามความต้องการของผู้ใช้  รองรับส่งตลาดอาเซียน ...จากการประชุมสัมมนา เชิงปฏิบัติการ เรื่องการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติจัดโดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.)  นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) มอบนโยบายเรื่อง “แนวทางในการนำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ” ตอนหนึ่งว่า ครม.เห็นชอบกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ และมอบหมายให้ ศธ.นำไปปฏิบัติ และกำหนดสิ่งที่ต้องพัฒนาร่วมกับการพัฒนาการศึกษาและแรงงาน ซึ่งตนได้มอบแนวทางการนำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติมาใช้ ดังนี้ 1. การผลิตบัณฑิตตรงความต้องการของผู้ใช้ที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ เชื่อมโยงกับภาคแรงงาน 2. ต้องเป็นช่องทางให้ผู้ที่มีประสบการณ์ แต่ไม่จบปริญญา สามารถเข้าสู่ระบบการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาในระดับปริญญาโท-เอกได้ และ 3. ตลาดแรงงานต้องมีมาตรฐานฝีมือแรงงานเทียบเคียงกับภาคการศึกษาเพื่อเชื่อมโยงในการดำเนินการ และมีระบบที่เหมาะสมกับสภาพของสังคมและระบบการศึกษาไทยด้านนายนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการพัฒนามาตรฐานฝีมือแรงงานที่สอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ว่า ตนได้มีการสั่งให้มีการปรับปรุง มาตรฐานต่างๆให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงกฎหมายที่กำหนดใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเพิ่มเติม เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน อย่างไรก็ตาม กรมพร้อม เป็นภาคีเครือข่ายกับ สกศ. เพื่อให้แรงงานไทย มีความรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ.

กก.ควบคุม มอส.หมดสิทธิ์ให้ปริญญา

กก.ควบคุม มอส.หมดสิทธิ์ให้ปริญญา
คณะกรรมการควบคุม มอส.หมดสิทธิ์ให้ปริญญา ด้านเลขาฯ กกอ. ระบุเตรียมนำเรื่องหารือที่ประชุม ...รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) และกรรมการควบคุมมหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อวันที่ 21 พ.ย.55 สอบถามอำนาจหน้าที่คณะกรรมการควบคุม มอส.ในการอนุมัติปริญญาย้อนหลังให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญามหาบัณฑิตที่ส่งรายชื่อมายังคณะกรรมการควบคุมฯ ภายหลังจาก มอส.ถูกเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งมหาวิทยาลัยไปแล้วเมื่อวันที่ 31 ต.ค.55 จำนวน 558 คน แบ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาที่สภาวิชาการเห็นชอบแล้วแต่ยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการควบคุมฯ เพื่ออนุมัติปริญญา 192 ราย กลุ่มนักศึกษาที่คณะกรรมการกำกับการแก้ไขร่างวิทยานิพนธ์และการค้นคว้าอิสระให้ความเห็นชอบแล้ว แต่ยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของสภาวิชาการ 287 ราย และกลุ่มนักศึกษาที่คณะกรรมการบัณฑิตวิทยาลัยให้ความเห็นชอบแล้ว แต่ยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับการแก้ไขร่างวิทยานิพนธ์และการค้นคว้าอิสระ 79 รายนั้นรองเลขาธิการ กกอ.กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ส่งความเห็นการตีความมายัง สกอ. ระบุว่า ภายหลังจาก มอส.ถูกเพิกถอนใบอนุญาตแล้วส่งผลให้มหาวิทยาลัยหมดสภาพการเป็นนิติบุคคล ดังนั้น อำนาจของคณะกรรมการควบคุมฯ ในฐานะสภามหาวิทยาลัยรวมถึงอำนาจอนุมัติการให้ปริญญาย่อมสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.55 เป็นต้นไปด้วย ดังนั้น นักศึกษา 558 คน ดังกล่าวคงไม่ได้รับปริญญา ของ มอส. ซึ่งตนจะนำเรื่องนี้หารือที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมฯ นัดต่อไปว่าจะให้ความช่วยเหลืออย่างไร.

สทศ.ออกประกาศแก้ปัญหาโอเน็ตวิทย์

สทศ.ออกประกาศแก้ปัญหาโอเน็ตวิทย์
สทศ.ออกประกาศแก้ปัญหาโอเน็ตวิทย์ ขณะที่วันที่  7 มี.ค.เปิดทางเด็กได้รับผลกระทบสอบใหม่ ยอมรับผิด 7 ศูนย์ 40,000 ราย...รศ.ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดความผิดพลาดในการจัดพิมพ์ข้อสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) วิชาวิทยาศาสตร์ ระดับชั้น ม.6 ปีการศึกษา 2556 นั้น จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ สทศ. พบว่าข้อสอบที่ผิดพลาดมีจำนวนประมาณ 40,000 ฉบับ ซึ่งมีการแจกทั้งใน 7 ศูนย์สอบ ได้แก่ ศูนย์สอบมหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร พระราชวังสนามจันทร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว สทศ.ได้ออกประกาศเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาดังนี้ นักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากข้อสอบผิดพลาด จำนวน 40,000 ราย สทศ.จะประกาศรายชื่อทางเว็บไซต์ www.niets.or.th พร้อมทั้งให้สิทธิเข้าสอบวิชาวิทยาศาสตร์ใหม่เป็นกรณีพิเศษ ในวันที่ 7 มี.ค. เวลา 11.30-13.00 น. ที่ศูนย์สอบและ สนามสอบเดิม โดยไม่ต้องมีการยื่นคำร้องต่อ สทศ.ผอ.สทศ.กล่าวอีกว่า ในกรณีที่นักเรียนไม่ประสงค์จะสอบใหม่ สทศ.จะตรวจกระดาษคำตอบเก่าและประกาศผลตามคะแนนนั้น ส่วนข้อสอบที่ใช้สอบกรณีพิเศษจะเป็นข้อสอบคู่ขนานที่คณะทำงานสร้างและกลั่นกรองข้อสอบออกไว้ และคัดเลือกจาก 90 ข้อ เหลือ 67 ข้อ พร้อมทั้งปรับลดเวลาสอบลงเหลือ 1 ชั่วโมง 30 นาที อย่างไรก็ตามในกรณีที่นักเรียนได้รับข้อสอบถูกต้องแต่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการระหว่างตรวจสอบความถูกต้องของข้อสอบ อาทิ กรรมการคุมสอบให้หยุดทำข้อสอบ หรือตรวจสอบความถูกต้องจนเหลือเวลาน้อย สามารถยื่นคำร้องเพื่อขอเข้าสอบเป็นกรณีพิเศษได้ที่ สทศ. หรือที่ www.niets.or.th ระหว่างวันที่ 22-26 ก.พ. โดย สทศ.จะจัดสอบให้ในศูนย์สอบและสนามสอบเดิมในวันและเวลาเดียวกัน ส่วนที่เหลือจะตรวจกระดาษคำตอบเก่าและประกาศผลต่อไป.

ซื้อกระเป๋าใบละแสน เพื่อความสมปรารถนา

ซื้อกระเป๋าใบละแสน เพื่อความสมปรารถนา
ทำไมสตรีถึงกล้าซื้อกระเป๋าถือใบละเป็นแสน หรือรองเท้าคู่ละหลายหมื่นบาทได้ นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่า สาเหตุอยู่ที่ว่าเป็นคนชาติไหน เพราะแต่ละชาติก็จะมีเหตุผลต่างๆกันออกไปนักวิจัยมหาวิทยาลัยเดลาแวร์แห่งสหรัฐฯ ได้ร่วมกับนักวิจัยของ 9 ชาติ ศึกษาหาเหตุผลของการจับจ่ายซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่มีราคาแพงๆ ของคนชาติต่างๆพวกเขาได้พบว่า อย่างที่ในอเมริกา สตรีทำไปเพื่อความสมปรารถนาของตนเอง ไม่ได้อวดมั่งอวดมีกับใครอื่น นักวิจัยอเมริกันอธิบายว่า “ชาวอเมริกันถือว่า เป็นความสุขสำคัญกว่าอย่างอื่น วัฒนธรรมของชาติตะวันตกจะเชื่อในการกระทำที่มีอิสรเสรีภาพของแต่ละบุคคล ต่างกับทางชาติตะวันออก ที่นับถือคุณค่าของการรวมกันเป็นหมู่คณะ”นักวิจัยทางสังคมอธิบายต่อไปว่า ส่วนใหญ่แล้วหากเป็นชาติที่เศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟู อย่างพวกนักศึกษาบราซิลและอินเดีย จะถือว่าทำเพื่อความสุขความสำราญส่วนตน แต่หากเป็นชาวฝรั่งเศส จะเห็นว่า ยอมซื้อของเหล่านั้น เพราะมันเป็นของราคาสูงและมีอยู่น้อย.

อาถรรพณ์อากาศพิษ บีบทารกมีตัวเล็กลง

อาถรรพณ์อากาศพิษ บีบทารกมีตัวเล็กลง
ควันไอเสียรถยนต์และควันจากปล่องโรงงานที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง เป็นเหตุให้อากาศเป็นพิษ ทำให้มารดาเกือบทั่วโลกคลอดลูกออกมาตัวเล็กลงๆ ไปตามๆกันการศึกษาโดยการวิเคราะห์ข้อมูลการเกิดของทารก 3 ล้านกว่าคน ตามที่ต่างๆ 14 แห่ง ในอังกฤษ ทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ เอเชียและออสเตรเลีย ยังได้แสดงให้รู้ว่า ยิ่งเป็นถิ่นฐานที่มีอากาศเป็นพิษรุนแรงมากเท่าใด ทารกเกิดใหม่ที่นั่น ก็จะยิ่งตัวเล็กลงเท่านั้นรายงานการศึกษาในวารสาร “แนวโน้มของอนามัยสิ่งแวดล้อม” กล่าวว่า พิษภัยของสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ ยังก่อให้เกิดอันตรายอย่างอื่น เช่น ทารกตายก่อนคลอด หรือสุขภาพเสื่อมโทรม เจ็บป่วยเรื้อรังตอนแก่ ศาสตราจารย์ทันยา เปลสส์ มูลโลลิ มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิลแห่งอังกฤษ กล่าวว่า “ยิ่งมลพิษทางอากาศร้ายแรงขึ้น เราคงได้เห็นทารกตัวเล็กลงมากขึ้น ซ้ำเด็กเหล่านี้จะต้องป่วยกระเสาะกระแสะ เมื่อย่างเข้าบั้นปลายชีวิตอีกด้วย”เขากล่าวต่อไปว่า ตามมาตรฐานของอังกฤษ ทารกที่ถือว่าน้ำหนักน้อยกว่าปกติ คือหนักไม่ถึง 2,500 กรัม.

ยกย่องห้องเรียนขงจื่อ ร.ร.ไตรมิตรวิทยาราม ดีที่สุดในไทย

ยกย่องห้องเรียนขงจื่อ ร.ร.ไตรมิตรวิทยาราม ดีที่สุดในไทย
พงษ์เทพ ยกย่องห้องเรียนขงจื่อ ร.ร.ไตรมิตรวิทยาราม เป็นโรงเรียนสอนภาษาจีนอันดับ 1 ของประเทศไทยและของโลก หลังได้พบปะพูดคุยกับนักเรียนเป็นภาษาจีน และพบว่าเด็กมีทักษะการพูด อ่านเขียนในระดับดีมาก…เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 56 ที่วัดไตรมิตรวิทยาราม นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ได้เดินทางเข้าพบพระธรรมภาวนาวิกรม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม และประธานมูลนิธิร่มฉัตร เพื่อเยี่ยมชมห้องเรียนขงจื่อ โรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย และการดำเนินงานชุมชนต้นแบบวัดไตรมิตรวิทยาราม โดยในการเยี่ยมชมครั้งนี้ นายพงษ์เทพ ได้สนทนากับนักเรียนเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีนโดยตลอดนายพงษ์เทพ กล่าวหลังเยี่ยมชมว่า ต้องยอมรับว่าโรงเรียนไตรมิตรฯ คือ โรงเรียนสอนภาษาจีนอันดับ 1 ของประเทศไทยและของโลก จากการทดสอบภาษากับนักเรียนพบว่า มีทักษะการพูด อ่านเขียนในระดับดีมาก ขณะที่บรรยากาศการจัดการเรียนการสอน ครู อุปกรณ์การศึกษา ถือว่ามีความพร้อมที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเชียน โดย ศธ.จะสนับสนุนให้เขตพื้นที่การศึกษาจากทั่วประเทศเข้ามาอบรมและเรียนรู้ภาษา ตลอดจนวัฒนธรรมไทย–จีนที่ห้องเรียนขงจื่อ โรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย ส่วนชุมชนต้นแบบวัดไตรมิตรฯ ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนและประชาชนได้มาเรียนภาษา เพื่อนบ้านถึง 9 ภาษา ถือว่าทำได้ดีและน่าสนับสนุนให้เกิดชุมชนแบบวัดไตรมิตรทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพ้อมเข้าสู่ประชาคมอาเชียน ด้านพระธรรมภาวนาวิกรม กล่าวว่า ห้องเรียนขงจื่อ โรงเรียนไตรมิตร เพิ่งได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากการประชุมขงจื่อโลกที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ส่วนชุมชนวัดไตรมิตรฯ ถือเป็นชุมชนต้นแบบในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนโดย ความร่วมมือกันของ “บวร” ซึ่งประกอบด้วย บ้านหรือชุมชน วัดหรือศาสนาทุกศาสนาและรัฐซึ่งรวมถึงโรงเรียนและหน่วยงานของรัฐ ดังนั้นจึงมีการส่งเสริมเรื่องภาษาทั้งภาษาอังกฤษจีน และพม่า เพื่อรองรับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน.

Thursday, February 21, 2013

สังขารไม่เป็นใจสิงห์มอเตอร์ไซค์สว.

สังขารไม่เป็นใจสิงห์มอเตอร์ไซค์สว.
วารสารการแพทย์ “การป้องกันการบาดเจ็บ” ของสหรัฐฯ รายงานว่า ผู้สูงอายุที่กลับมาสวมวิญญาณสิงห์มอเตอร์ไซค์อีกครั้งหนึ่ง มีหวังจะต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะการชนกันมากกว่าผู้ที่ยังหนุ่มแน่นกว่ากัน ถึง 3 เท่า จากการบาดเจ็บเพราะกระดูกหน้าอกและซี่โครงหักที่เกิดขึ้นเป็นประจำรายงานการศึกษาอ้างสาเหตุว่า เป็นเพราะความเสื่อมโทรมของสังขาร กระดูกของคนมีอายุจะเปราะบางกว่า ผนังทรวงอกก็ยืดหยุ่นน้อยลง ประกอบกับมีเวลาและกำลังเงิน ที่สามารถซื้อหารถที่มีกำลังสูงได้ แฟชั่นแบบนี้เป็นอยู่ตามหลายชาติการศึกษาครั้งนี้ได้อาศัยข้อมูลจากโครงการระบบตรวจสอบการบาดเจ็บทุกชนิด ซึ่งเก็บข้อมูลจากโรงพยาบาลในอเมริกา 100 แห่ง ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2544-2551ตามข้อมูลได้แจ้งว่า ผู้สูงอายุวัยเกิน 60 ปีที่ขี่มอเตอร์ไซค์ จะถูกหามส่งโรงพยาบาลมากกว่าผู้ขับขี่ที่อยู่ในวัย 20-30 ปีถึง 3 เท่า และได้รับบาดเจ็บสาหัสมากกว่ากัน 2 เท่าครึ่ง.

ควรดื่มนมเอาฤกษ์ก่อนจะไปจีบสาวๆ

ควรดื่มนมเอาฤกษ์ก่อนจะไปจีบสาวๆ
นักวิจัยสถาบันวิทยาศาสตร์การอาหารของมหาวิทยาลัยโอไฮโอ แห่งสหรัฐฯ บอกแนะนำหนุ่มๆ ทั้งหลายว่า หากเตรียมจะไปจีบสาวไม่ควรจะกินอาหารที่ใส่กระเทียมมากนักไปก่อนหน้า เพราะอาจจะสร้างความขายหน้า เพราะปากมีกลิ่นได้วารสาร “วิทยาศาสตร์การอาหาร” เปิดเผยว่า พวกเขายังบอกวิธีแก้ไว้ว่า ถ้าหากต้องกินอาหารเช่นนั้น ก็ควรจะหานมดื่มพร้อมกับมันไปด้วย เพราะมันจะช่วยดับกลิ่นปากเกิดจากกินกระเทียมได้ แม้ว่า การดื่มนมตามภายหลังจะช่วยได้เช่นกัน แต่ก็สู้ดื่มพร้อมกับอาหารไปด้วยไม่ได้นมทั้งชนิดพร่องไขมันและนมธรรมดา จะช่วยฆ่าฤทธิ์สารประกอบของกระเทียม ที่เป็นเหตุให้ปากและจมูกมีกลิ่น ส่วนกระเทียมอุดมด้วยแร่ธาตุแมกนีเซียม วิตามินบี 6 วิตามินซี และซีลีเนียมอันเป็นคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมาก แต่มันมีสารประกอบกำมะถันปนอยู่ด้วย เป็นตัวทำให้กระเทียมมีกลิ่นฉุน และพลอยทำให้เกิดกลิ่นปากด้วย.

แม่ไม่ควรบงการลูกทำลายความคิดริเริ่ม

แม่ไม่ควรบงการลูกทำลายความคิดริเริ่ม
นักวิจัยมหาวิทยาลัยมิสซูรีของสหรัฐฯ ศึกษาได้ความรู้มาฝากพวกคุณแม่ลูกอ่อนทั้งหลายว่า ไม่ควรจะบงการควบคุมลูกเล็กๆเกินไปนัก เพราะอาจจะทำให้เด็กขาดความคิดริเริ่มของตนเองนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษากับเด็กทารก ตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 5 ขวบ พบว่า หากผู้เป็นแม่จะคอยบอกชี้เมื่อเล่นกับลูกไปเสียหมด จะทำให้ลูกรู้สึกเบื่อ และจะเกิดรู้สึกไม่ชอบใจผู้เป็นแม่ขึ้นมาพวกเขาได้พบว่า โดยทั่วไปแล้วผู้เป็นแม่จะคอยบงการลูกเล็ก เมื่อยามเล่นมากน้อยแค่ไหน มักจะขึ้นอยู่กับอายุของเด็กหัวหน้านักวิจัยเผยว่า “เด็กจะเจริญเติบโตดี หากว่ามีโอกาสได้เลือกในสิ่งที่จะทำ โดยเฉพาะในยามเล่นของตนเอง ผู้เป็นแม่คนที่เข้มงวด มักจะคอยสั่งไปเสียหมด ไม่ว่าลูกจะเล่นกับของเล่นอะไร เล่นอย่างไร และแม้แต่เล่นเร็วช้าแค่ไหน “แม่ที่ชอบบงการ อย่างเช่น ลูกเล่นอยู่กับวัวพลาสติกที่อยู่ในโรงนาจะห้ามลูก หากเห็นว่าจะจับวัวออกไปทางหน้าต่าง แทนที่จะเป็นประตู” เขาชี้ว่า พวกแม่ๆ อาจจะคิดว่า คอยบอกช่วยลูกให้ทำถูกวิธี  แต่กลายเป็นไปว่าไปปิดกั้นการใช้ความคิดริเริ่มของลูก ทำให้ลูกหมดสนุกและรู้สึกไม่ชอบเล่นกับแม่ไปด้วย.

Wednesday, February 20, 2013

หวั่นดาวหางแห่งศตวรรษเป็นดาวหางแดดเดียว

หวั่นดาวหางแห่งศตวรรษเป็นดาวหางแดดเดียว
ดาวหางซึ่งมีหางยาวถึง 6,300 กม. จนนักดาราศาสตร์ยกให้เป็น “ดาวหางแห่งศตวรรษ” มีกำหนดจะมาอวดโฉมให้กับชาวโลกให้เห็นอย่างตื่นตะลึง ตอนปลายปีนี้นักดาราศาสตร์มหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ของสหรัฐฯแจ้งว่า “ดาวหางไอสัน” จะเป็นดาวหางที่ล่วงล้ำเข้ามาถึงภายในระบบจักรวาลของเราดวงแรก จะเข้าไปใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดยิ่งกว่าดวงไหน “เป็นโอกาสให้เราได้เห็นว่า ก้อนน้ำแข็งและแก๊สซึ่งจับตัวเป็นก้อนแข็งมาตั้งแต่ระบบสุริยจักรวาลเพิ่งเกิดจะกลายเป็นอะไรไป เมื่อมันต้องถูกความร้อนอย่างรุนแรง ตอนที่ผ่านเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ห่างไม่เกิน 1 ล้าน กม. ใน วันที่ 28 พฤศจิกายน ศกนี้”เขาบอกว่า หากดาวหางแดดเดียวรอดตัวมาได้ มันจะปรากฏตัวให้เห็นเป็นดาวหางที่สุกสว่างมากที่สุดและอาจเห็นสว่างทั่วท้องฟ้า บางทีอาจจะเห็นได้กลางวันแสกๆ ตลอดไปจนถึงเดือนมกราคมปีหน้า “แต่ดาวหางเป็นของคาดหมายได้ยาก มันอาจจะแตกทำลาย หรือลงเอยอย่างเนือยๆ ก่อนก็ได้”.

ไทยจัดประชุมแพทย์โรคหัวใจทั่วโลกกว่า 1,000 คน

ไทยจัดประชุมแพทย์โรคหัวใจทั่วโลกกว่า 1,000 คน
กระทรวงสาธารณสุขไทย จัดประชุมสมาคมโรคหัวใจแห่งเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 19 แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญทั้งไทยและเทศ 1,000-1,500 คน หวังนำไทยสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการและเทคโนโลยีการรักษา ในฐานะเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ หลังพบโรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของชาวโลกเป็นอันดับ 1…เมื่อวันที่ 20 ก.พ.56 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์เกรียงไกร เฮงรัศมี นายกสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ แถลงข่าวว่าในวันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2556 ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสมาคมโรคหัวใจแห่งเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 19 (19th Asian Pacific Congress of Cardiology (19th APCC)) ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ต พัทยา จังหวัดชลบุรี จัดโดยสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (Asian Pacific Society of Cardiology : APSC)) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ได้รับการสนับสนุนจากสหพันธ์โรคหัวใจ (World Heart Federation) สมาคมโรคหัวใจแห่งยุโรป (European Society of Cardiology) สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (Thailand convention & Exhibition Bureau : TCEB Thailand) เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้เทคโนโลยีความก้าวหน้าในด้านการดูแลรักษาการตรวจวินิจฉัย ป้องกัน และงานวิจัยที่เกี่ยวกับโรคหัวใจและหลอดเลือดในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกหรือเอเปค (APEC) ยุโรป และสหรัฐอเมริกา เป็นการสร้างเครือข่ายทางวิชาการระหว่างประเทศไทยกับประเทศต่างๆ ที่กล่าวมา โดยในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 10.00 น. กระทรวงสาธารณสุขได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงเป็นประธานเปิดงานประชุมดังกล่าวนายแพทย์ชลน่าน กล่าวต่อว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้ดำเนินการพัฒนาศักยภาพการให้บริการสุขภาพเพื่อสนองนโยบายการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ทั้งการรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพ โดยไม่เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและไม่ให้เกิดผลกระทบทางลบโดยรวมแก่ประชาชนคนไทย ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติ โดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่วงการแพทย์ไทยคือ ความเป็นเลิศทางวิชาการ (Academic Hub) เน้นการพัฒนาศักยภาพ 3 ด้านหลัก คือ ด้านการศึกษา การฝึกอบรมทางวิชาการในการรักษาพยาบาลด้านต่างๆ และการจัดประชุมในระดับนานาชาติ นอกจากจะให้คนไทยได้รับการบริการที่เป็นเลิศอย่างเท่าเทียมแล้ว ยังสร้างชื่อเสียงแก่ประเทศไทย ดึงดูดชาวต่างชาติให้มารับบริการด้านการรักษาพยาบาลโรคสำคัญๆ เช่น ศัลยกรรมกระดูก ศัลยกรรมความงาม การผ่าตัดโรคหัวใจ ทันตกรรม โรคระบบทางเดินอาหาร รวมถึงการตรวจสุขภาพ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีชาวต่างชาติ 1 ใน 4 ที่เดินทางมาไทยเพื่อรับบริการในโรงพยาบาล สำหรับโรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นโรคที่มีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้เป็นสาเหตุการเสียชีวิตติดอันดับ 1 ทั่วโลก องค์การอนามัยโลกคาดในปี พ.ศ.2551 มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ 17.3 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 30 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด และจะเพิ่มเป็น 25 ล้านคนในปี พ.ศ.2573 หรือในอีก 17 ปีข้างหน้า สำหรับไทยในปี พ.ศ.2554 มีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่ ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมองตีบ และโรคหัวใจ รวม 43,077 ราย สูงเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็ง ติดอันดับ 1 ใน 3 ต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี และแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดแนวทางการพัฒนาระบบการดูแล ตั้งแต่การป้องกันเพื่อลดการเจ็บป่วย เช่น การตรวจสุขภาพคัดกรอง 2 โรคสำคัญที่จะเพิ่มความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด คือ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ในกลุ่มประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ให้ความรู้ให้ประชาชนเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพไม่ให้ป่วย รวมถึงการดูแลรักษากลุ่มที่ป่วยแล้วเพื่อลดผลแทรกซ้อน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการจัดเครือข่ายบริการสุขภาพ การยกระดับมาตรฐานการรักษาโรคหัวใจฉุกเฉิน เช่น โรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ผู้ป่วยเข้าถึงบริการได้มากขึ้น เร็วขึ้น ส่งผลให้อัตราการตายของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลันลดลงจากเดิมร้อยละ 17 ในปี พ.ศ.2554 เหลือไม่เกินร้อยละ 10 ในปี พ.ศ.2556ด้านนายแพทย์เกรียงไกร เฮงรัศมี นายกสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ประกอบด้วยแพทย์ทั่วไป อายุรแพทย์ โรคหัวใจ กุมารแพทย์โรคหัวใจ ศัลยแพทย์ทรวงอก แพทย์กายภาพบำบัด พยาบาล และผู้สนใจในเรื่องโรคหัวใจและหลอดเลือด คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประชุมฯ จากกลุ่มเอเชียแปซิฟิก 18 ประเทศ ประมาณ 1,000-1,500 คน โดย ร้อยละ 60 มาจากต่างประเทศ และมีวิทยากรเชี่ยวชาญจากกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก และสหรัฐอเมริกา จำนวน 85 คน และจากประเทศไทย 35 คน ซึ่งเป็นการนำประเทศไทยสู่ความเป็นเลิศด้านวิชาการและเทคโนโลยีในการดูแลโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงพัฒนาการรักษาพยาบาลด้วยวิธีการสมัยใหม่ที่เรียกว่าชีววิศวกรรมในระดับปลูกถ่ายเซลล์เนื้อเยื่อ เพื่อให้ไทยก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านวิชาการ ด้านการรักษาพยาบาลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและระดับโลกต่อไปในอนาคต ส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในฐานะศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ

จ่อตั้ง ศูนย์รสชาติอาหาร หวังยกชั้นครัวไทยติด 1 ใน 5 ครัวโลก

จ่อตั้ง ศูนย์รสชาติอาหาร หวังยกชั้นครัวไทยติด 1 ใน 5 ครัวโลก
วท.เตรียมตั้ง ศูนย์รสชาติอาหารไทย ยกระดับครัวไทยติด 1 ใน 5 ครัวโลก ตอบสนองต่อกระแสความนิยมอาหารไทยที่เพิ่มมากขึ้นในทั่วโลก...เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 56 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า วท. จะดำเนินโครงการ “นวัตกรรมครัวไทยสู่ครัวโลก” เพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานอาหารไทย ตอบสนองต่อกระแสความนิยมอาหารไทยที่เพิ่มมากขึ้นในทั่วโลกรวมถึงการสนับสนุน และผลักดันการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารและขยายโอกาสการลงทุนร้านอาหารไทยในต่าง ประเทศให้มีระบบการจัดการและมาตรฐานอาหารรสชาติไทยภายใต้โครงการ “ศูนย์รสชาติอาหารไทย (Thaidelicious center) ซึ่งปัจจุบันมีร้านอาหารไทยกระจายอยู่ทั่วโลกมากกว่า 6,000 แห่ง และมีลูกค้าเข้ามารับประทานอาหารเฉลี่ยวันละ 3 ล้านคนรมว.วท.กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้วางกรอบนโยบายที่ต้องการให้ประเทศเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารของโลก ในโครงการ “นวัตกรรมครัวไทยสู่ครัวโลก” เพื่อผลักดันประเทศไทยเป็นฐานการผลิตอาหารที่ปลอดภัยมีคุณค่าทางโภชนาการและได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพในระดับสากล ซึ่งการพัฒนาโครงการจะยึดหลักการพัฒนาผู้ประกอบการในลักษณะเครือข่ายวิสาหกิจนวัตกรรม ด้วยการเชื่อมโยงแบบโครงข่ายระหว่างผู้ประกอบการหน่วยงานวิจัยทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ข้อมูล เทคโนโลยี นวัตกรรม และแรงงานระหว่างกันทำให้เกิดการผลิตและสร้างรายได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการยกระดับจีดีพีของประเทศอีกทางหนึ่งด้วย โดยคาดว่าประเทศไทยจะสามารถเป็นผู้ส่งออกสินค้าอาหารรายใหญ่ 1 ใน 5 ของโลก และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ต่อไปนายวรวัจน์ กล่าวอีกว่า โครงการนวัตกรรมครัวไทยสู่ครัวโลก ได้วางเป้าหมายในการบริหารจัดการครอบคลุมตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบการแปรรูป และเพิ่มมูลค่าของสินค้าแปรรูป รวมถึงการบริหารจัดการร้านอาหารไทยการตลาด การสร้างตราสินค้า และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ยังรวมถึงระบบการขนส่ง นวัตกรรมอาหารปลอดภัย และพื้นที่เศรษฐกิจนวัตกรรมอาหาร โดยในปี2556 จะมุ่งเน้นในการพัฒนานวัตกรรม 2 ด้านหลักที่สำคัญอย่างเร่งด่วน ได้แก่ ปัจจัยการผลิตและการเพิ่มผลผลิตผ่านศูนย์การผลิตผลิตภัณฑ์ชีวภาพเพื่อ การเกษตรครบวงจรและ ศูนย์รสชาติอาหารไทย ซึ่งได้ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.)เพื่อกำหนดมาตรฐานรสชาติอาหารไทยให้ได้คุณภาพไม่ผิดเพี้ยนไปจากตำรับดั้งเดิมของไทย.

Monday, February 18, 2013

เฝ้าระวังพิเศษไฟป่าใน 6 จว.เหนือ ลำปาง-แพร่ ฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน

เฝ้าระวังพิเศษไฟป่าใน 6 จว.เหนือ ลำปาง-แพร่ ฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน
ป่าไม้เปิดโครงการรณรงค์ไม่เผาป่า รักษาธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ ใน 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เฝ้าระวัง 6 จังหวัดเป็นพิเศษ ขณะที่ปี 56 พบปริมาณฝุ่นละอองเกินมาตรฐานในพื้นที่ลำปาง-แพร่ ...เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายสุรพล ปัตตานี รองปลัด ทส. พร้อมด้วย นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อธิบดีกรมป่าไม้ นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช น.ส.อาระยา นันทโพธิเดช รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์มลพิษหมอกควัน 9 จังหวัดภาคเหนือ ปี 2556 นายบุญชอบ กล่าวว่า ในช่วงหน้าแล้งของทุกปีภาคเหนือตอนบนต้องประสบปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำลายพื้นที่ป่าเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว และยังทำลายสมดุลของระบบนิเวศอย่างมหาศาล โดยกรมป่าไม้ได้เปิดโครงการรณรงค์ไม่เผาป่า รักษาธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ ใน 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ซึ่งกรมป่าไม้ได้ดำเนินการเองใน 6 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ พะเยา และเชียงราย และร่วมกับกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ น่าน แม่ฮ่องสอน และตาก อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กรมป่าไม้ยังได้ดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการควบคุมไฟป่า โดยจัดสรรงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนในการสร้างเครือข่าย 100 หมู่บ้านทั่วประเทศ หมู่บ้านละ 1 แสนบาท มีภารกิจหลักในการจัดทำข้อมูลพื้นฐาน การจัดซื้ออุปกรณ์ไฟป่าและการจัดหาอาสาสมัครควบคุมไฟป่า และการฝึกอบรมอาสาสมัครควบคุมไฟป่า และได้มอบหมายให้หน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่า 51 หน่วยทั่วประเทศ ประสานงานกับนายอำเภอท้องที่ และผู้นำองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดทำสมุดทะเบียนหน่วยงานต่างๆ พร้อมเบอร์โทรศัพท์เมื่อเกิดไฟไหม้ที่ใด ก็จะสามารถประสานงานขอความร่วมมือทุกหน่วยงานในพื้นที่ช่วยกันดับไฟให้ทันท่วงที หากผู้ใดพบเห็นบุคคลกระทำการเผาป่าสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1310 กด 3 ด้าน น.ส.อาระยา กล่าวว่า มลพิษหมอกควันที่เกิดจากไฟป่าและการเผาในที่โล่งเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงหน้าแล้งส่งผลกระทบรุนแรงต่อพื้นที่ภาคเหนือ โดยเมื่อเปรียบเทียบผลการตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองที่เกินมาตรฐานระหว่างปี 55-56 ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 55 - 18 ก.พ. 56 พบว่า ปี 55 พบปริมาณฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน 9 วัน ในพื้นที่ จ.เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ พะเยา และแม่ฮ่องสอน ขณะที่ปี 2556 พบปริมาณฝุ่นละอองเกินมาตรฐานเพียง 2 วัน ในพื้นที่ จ.ลำปาง และ จ.แพร่ สำหรับจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษในปี 56 ได้แก่ ลำปาง แพร่ ลำพูน เชียงใหม่ และเชียงราย อย่างไรก็ตาม คพ. ขอความร่วมมือลดสาเหตุของการเกิดไฟป่าและหมอกควันในช่วง 100 วันอันตราย (21 ม.ค.–30 เม.ย.) ทั้งนี้ คพ.ได้เฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กและรายงานข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนทั่วไปทราบ ผ่านทางเว็บไซต์ www.aqnis.pcd.go.thหรือทาง facebook (รู้ทันหมอกควัน) และทางแอพพลิเคชั่นบนมือถือ AIR4THAI ซึ่งจะมีการรายงานอย่างต่อเนื่องเพื่อจะได้ปฏิบัติตนให้ถูกต้อง นายมโนพัศ กล่าวว่า สถานการณ์ไฟป่าที่มีความรุนแรงและเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหน้าแล้งส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศป่าไม้ และเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งสาเหตุของไฟป่าเกิดจากมนุษย์ทั้งสิ้น กรมอุทยานฯ จึงจัดวันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่าขึ้นในวันที่ 24 ก.พ. นี้ ที่ จ.เลย เนื่องจาก จ.เลย มีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังหลายแห่ง อาทิ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อุทยานแห่งชาติภูเรือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์งดการจุดไฟเผาป่าและในพื้นที่เกษตรกรรม สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน เพื่อให้ตระหนักถึงอันตรายและผลกระทบจากไฟป่า และหมอกควัน พร้อมทั้งเป็นการป้องกันและอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม ที่จะเป็นผลดีต่อลูกไม้ กล้าไม้ ที่จะเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ เพื่อให้เป็นพื้นที่ป่าที่สมบูรณ์ต่อไปผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถิติการเกิดไฟป่าทั่วประเทศในปีงบประมาณ พ.ศ.2555 - พ.ศ.2556 ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2555 – 7 ก.พ. 2556 พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในปีงบประมาณ 2555 มีการดับไฟป่า 59 ครั้ง เป็นพื้นที่ 785 ไร่ ปีงบประมาณ 2556 ดับไฟป่า 200 ครั้ง เป็นพื้นที่ 1,776.4 ไร่ ขณะที่ จ.เลย ซึ่งเป็นพื้นที่จัดทำโครงการสัปดาห์รณรงค์ปลอดควันพิษ ในปีงบประมาณ 2555 ดับไฟป่า 3 ครั้ง เป็นพื้นที่ 28 ไร่ ปีงบประมาณ 2556 ดับไฟป่า 3 ครั้ง เป็นพื้นที่ 33 ไร่ ส่วนที่ จ.บึงกาฬ มีไฟป่าเกิดขึ้นมากสุดคือ 74 ไร่ อุดรธานีพื้นที่ 281 ไร่ อุดรธานี 31 ครั้ง พื้นที่ 320 ไร่ และขอนแก่น 30 ครั้ง พื้นที่ 509 ครั้ง.

วธ.จัดสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เทศกาลมาฆบูชา ทั่วไทย

วธ.จัดสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เทศกาลมาฆบูชา ทั่วไทย
กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกรมการศาสนา คณะสงฆ์ องค์กรเครือข่ายทางพระพุทธศาสนาสถานศึกษา จัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลมาฆบูชาขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 21-25 ก.พ. 56… เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 56 นายสนธยา คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า กรมการศาสนาร่วมกับคณะสงฆ์ องค์กรเครือข่ายทางพระพุทธศาสนาสถานศึกษา หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน กำหนดจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลมาฆบูชาขึ้น ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ระหว่างวันที่ 21–25 กุมภาพันธ์ 2556 เพื่อให้พุทธศาสนิกชนไทยทั่วประเทศ ได้ร่วมทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ทั้งการศึกษาหลักธรรมเพื่อขัดเกลาจิตใจ และเป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรม สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขถวายเป็นพุทธบูชา และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งวันมาฆบูชา เป็นวันสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์แก่บรรดาพระอรหันต์จำนวน 1,250 รูป ในครั้งพุทธกาลตรงกับคืนวันเพ็ญเดือน 3 หรือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งในปีนี้วันมาฆบูชา ตรงกับวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2556นายสนธยา กล่าวอีกว่า การจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลมาฆบูชา ในปีที่ผ่านมา มีพุทธศาสนิกชนที่เข้าร่วมกิจกรรมทั่วประเทศทั้งหมด จำนวน 859,344 คน และสำหรับการจัดงานในปีนี้มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย สำหรับพุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ซึ่งในส่วนกลางจัดงาน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ได้แก่ กิจกรรมฐานการเรียนรู้ส่งเสริมพระพุทธศาสนา ทั้งการสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัยทำนองสรภัญญะ ละครธรรมะ การตอบปัญหาธรรมะ ร้องเพลงส่งเสริมศีลธรรม การบรรยายธรรมศาสนพิธี มารยาทไทย และการสาธิตสวดโอ้เอ้วิหารราย อีกทั้งยังมีนิทรรศการวันมาฆบูชา ประกอบด้วยนิทรรศการแสดงพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุของพระอริยสงฆ์นมัสการ พระธาตุประจำปีเกิดจำลอง นมัสการพระพุทธรูปประจำวันเกิดและนิทรรศการศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ สำหรับส่วนภูมิภาค จัด ณ วัด หรือศาสนสถานตามที่จังหวัดกำหนด โดยจัดกิจกรรมเช่นเดียวกับส่วนกลางหรือกิจกรรมอื่นๆ ตามประเพณีท้องถิ่นของแต่ละจังหวัดสอบถามรายละเอียดได้ที่กรมการศาสนา โทร. 02-422-8811 หรือ www.dra.go.th และสายด่วนวัฒนธรรม 1765.

ผู้เสียหาย4รายโร่ร้อง ปวีณา สูญเสียจากการรักษาพยาบาล

ผู้เสียหาย4รายโร่ร้อง ปวีณา สูญเสียจากการรักษาพยาบาล
ผู้เสียหาย 4 ราย เดินทางเข้าร้องมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือ หลังได้รับความสูญเสียจากการรักษาพยาบาล ด้านนางปวีณา เร่งประสานงานไปยัง รมว.สธ. ให้ตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้น...เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 18 ก.พ.2556 ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี (องค์กรสาธารณประโยชน์) เลขที่ 84/14 หมู่ 2 ถ.รังสิต-นครนายก (คลอง7) ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิฯ เปิดเผยถึงรายละเอียดที่ผู้เสียหาย 4 ราย เข้าร้องทุกข์กับทางมูลนิธิปวีณาฯ ขอให้ช่วยตรวจสอบให้ความเป็นธรรม กรณีผลกระทบที่เกิดจากการเข้ารักษาตัว คลอดบุตรเสียชีวิต ลูกสำลักน้ำคร่ำระหว่างคลอดจนพิการทางสมอง เด็กฉีดวัคซีนแล้วพิการตาบอด เดินไม่ได้ รักษาการมีบุตรยากเสียชีวิตรายที่ 1. นางภัทราภรณ์ พุ่มบางแก้ว อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 207 ม.6 ต.คลองลานพัฒนา อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร แจ้งว่าบุตรชาย ด.ช.วันเฉลิม ทองอิน อายุ 3 ปี 7 เดือน ฉีดวัคซีนที่อนามัยคลองลาน จ.กำแพงเพชรแล้วกล้ามเนื้ออ่อนแรง เกร็ง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เคราะห์ร้ายตาทั้ง 2 ข้างบอดสนิท นอนเป็นเจ้าชายนิทรานางภัทราภรณ์ กล่าวว่า เมื่อ ปี 2552 ตนคลอดบุตรโดยการผ่าคลอดและใช้สิทธิบัตรทองที่ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ เป็นบุตรเพศชายคนที่ 2 น้ำหนักแรกเกิด 2,360 กรัม มีสุขภาพที่แข็งแรงดีและฉีดวัคซีนตามระยะมาโดยตลอด ทุกครั้งหลังฉีดวัคซีนกลับมาจะมีไข้ ตัวร้อนประมาณ 2-3 วัน ลูกมีนิสัยร่าเริง ซุกซนจามประสาเด็กเรื่อยมา จนอายุ 9 เดือน กำลังหัดเดิน ถึงเวลาฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดและวัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ กลับมามีไข้ ตัวร้อนและลูกชายเริ่มซึมลงเรื่อย ๆ จากนั้นก็เริ่มไม่เดิน ได้แต่นั่ง จากนั่งก็ได้แต่นอนและร่างกายไม่มีแรง จึงได้พาบุตรชายเข้าตรวจที่ รพ.กำแพงเพชร พร้อมทั้งสอบถามอาการของบุตรชายที่เป็นกับหมอเด็กกับ รพ.พุทธชินราช จ.พิษณุโลก เบื้องต้นหมอแจ้งว่าน่าจะแพ้วัคซีน โดยให้ รพ.กำแพงเพชร ประสานกับ รพ.คลองลาน ให้นำอึเด็กไปตรวจให้ครบ 3 ครั้ง จากนั้นหมอ รพ.กำแพงเพชร ได้ประสานกับ รพ.คลองลานและให้ตนนำบุตรชายกลับบ้านไปก่อน และนัดมาตรวจดูอาการอีก 1 เดือนต่อไป โดยบอกว่าจะมีหมอ รพ.คลองลาน เข้าไปติดต่อเก็บอุจจาระบุตรชายที่บ้านเอง จนผ่านไป 1 เดือน ก็ยังไม่มีใครติดต่อเข้ามา เมื่อถึงกำหนด รพ.กำแพงเพชร นัดไปดูอาการและสอบถามเกี่ยวกับผลอุจจาระ แต่ทาง รพ.คลองลาน ยังไม่มีใครเข้ามาติดต่อเลย ทาง รพ.กำแพงเพชรจึงแจ้งกับตนว่าให้รอไปก่อนเดี๋ยว รพ.คลองลาน คงจะติดต่อเข้าไป จนผ่านไปได้ 3 เดือน แล้วก็ยังไม่มี ซึ่ง หมอ รพ.กำแพงเพชร จึงบอกกับตนว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องตรวจก็ได้ เพราะมันนานเกิน 3 เดือนแล้ว หมอตรวจบุตรชายแล้วแจ้งว่า บุตรชายมีพัฒนาการช้า ให้พามาทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง จากนั้นอาการของบุตรชายเริ่มทรุดลงกว่าเดิม หมอจึงนำบุตรชายไปสแกนสมอง สงสัยว่าบุตรจะหัวโตและมีน้ำในสมอง แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ รพ.กำแพงเพชร จึงได้ส่งตัวบุตรชายไปรักษาต่อที่ รพ.พุทธชินราช จ.พิษณุโลก หมอได้นำบุตรชายตรวจ MRI และแจ้งว่าพบเซลล์ในสมองผิดปกติ แต่ไม่ทราบว่าเป็นเซลล์อะไร ซึ่งจะมีอยู่ประมาณ 20 กว่าชนิด แต่ไม่มียารักษา ตนจึงขอให้ รพ.พุทธชินราช ส่งตัวบุตรชายไปตรวจที่ รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ ผลตรวจพบเซลล์ในสมองผิดปกติ และไม่มียารักษาเช่นกัน ตนจึงขอให้ รพ.มหาราช ส่งตัวบุตรชายมาตรวจที่ รพ.ศิริราช ดูว่าเป็นอะไรกันแน่ ทาง รพ.ศิริราช ได้ทำการตรวจใหม่ทั้งหมด และแจ้งว่าพบเซลล์ในสมอง ตนไม่ทราบว่าเซลล์อะไร ซึ่งไม่มียารักษาเช่นกัน และหมอยังบอกอีกว่า บุตรชายเป็นระยะสุดท้ายแล้วให้ตนทำใจ จากนั้นทาง รพ.ศิริราช ได้นำชิ้นเนื้อบริเวณแขนขวาของบุตรชายไปตรวจเพื่อหาสาเหตุอีก จนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่ทราบผล และทุกวันนี้บุตรชายมีอาการทรุดหนักกว่าเดิม ต้องนอนให้นมทางสายยาง กินอาหารเองไม่ได้ เพราะสำลักทำให้ปอดติดเชื้อ ตนสงสารลูกมาก เงินที่หามาได้ก็นำมารักษาบุตรชายจนหมดตัว ส่วนสามีก็ทิ้งไปอีก หนำซ้ำล่าสุดยังตรวจพบว่า ตาทั้ง 2 ข้างของบุตรชายบอดสนิด ตนไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร จึงตัดสินใจเข้าร้องเรียนต่อมูลนิธิปวีณาฯช่วยเหลือรายที่ 2. นางสาวชรินทร์พร วงค์หนายโกฏิ อายุ 28 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 101/61 ม.7 แขวงบางบอน เขตบางบอน กทม. แจ้งว่า เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2556 ได้ไปคลอดบุตรคนที่สองโดยการผ่าคลอด ที่ รพ.พระราม 2 แต่คลอดได้เพียง 3 วันแล้วบุตรเสียชีวิตลง รพ.อ้างว่าเป็นความผิดของ น.ส.ชรินทร์พร ที่ตั้งครรภ์นอกมดลูกเอง น.ส.ชรินทร์พร กล่าวว่า ตนตั้งครรภ์บุตรคนที่ 2 ซึ่งได้ฝากครรภ์ไว้กับ รพ.พระราม 2 หลังจากนั้นได้เข้ารับการตรวจที่ คลินิคเทียนทะเล ในเครือ รพ.พระราม 2 และไปพบแพทย์ทุกครั้งตามนัดโดยหมอไม่เคยบอกว่าท้องนอกมดลูก ต่อมาวันที่ 7 ม.ค. 2556 เวลา 06.15 น. ปวดท้องคลอด จึงไปหาหมอที่ รพ.พระราม 2 ซึ่งมีอายุครรภ์ 36 สัปดาห์ พยาบาลให้นอนรอจนถึงเวลาประมาณ 11.00 น. หมอได้อัลตราซาวน์ดูครรภ์ และแจ้งว่าน้ำคล่ำเหลือน้อย จะรีบผ่าให้ช่วงบ่าย ขณะที่นอนรอผ่าคลอดตนรู้สึกเจ็บท้องมาก กดกริ่งเรียกพยาบาลเรียกหมอ ก็ไม่มีใครมาดูเลย ซึ่งตนได้เรียกอยู่หลายครั้งและรู้สึกเจ็บท้องมากขึ้นเรื่อยๆ จนเวลา 15.30 น. พยาบาลมาแจ้งว่าห้องผ่าคลอดยังไม่ว่าง ประมาณ 10 นาที พยาบาลมาบอกว่ารถนอนกำลังมารับไปห้องผ่าคลอด และให้ตนนอนรอในห้องผ่าคลอดเกือบ 30 นาที ตอนนั้นตนรู้สึกว่าลูกในท้องดิ้นน้อยลงและเบามากจนรู้สึกได้ ต่อมาเวลา 16.00 น. หมอทำการผ่าคลอดให้โดยการบ็อคหลังพอผ่าคลอดบุตรออกมา หมอบอกว่าเด็กท้องนอกมดลูก อาการของเด็ก 50-50 ให้พยาบาลรีบตามหมอเด็กมา แต่ตนไม่ได้ยินเสียงลูกร้องเลยซึ่งมีน้ำหนักแรกเกิด 2,600 กรัม ต่อมาเวลาประมาณ 18.00 น. หมอเด็กบอกว่าลูกอาการไม่ดีอาการไม่ตอบสนอง ปั้มหัวใจช่วยและใส่อ็อกชิเจนในการหายใจ ถึงรอดออกมาก็เป็นเจ้าชายนิทรา และหมอที่ผ่าคลอดก็ยังเอาสายรกออกให้ไม่หมดยังเกาะอยู่ที่กระเพาะปัสสาวะ อยู่ ตนจึงได้สอบถามไปกับทางโรงพยาบาลว่าจะรับผิดชอบตนอย่างไรบ้าง ทางโรงพยาบาลอ้างว่าเป็นความผิดของคนไข้ที่ท้องนอกมดลูกเอง หลังจากนั้นวันที่ 10 ม.ค. 2556 ทางโรงพยาบาลให้ตนกลับบ้านได้ ส่วนลูกยังต้องอยู่ในความดูแลของหมอต่อ จากนั้นเวลา 14.50 น ทางโรงพยาบาลโทรศัพท์มาแจ้งตนว่าลูกเสียชีวิตแล้ว ตนและสามีจึงได้เดินทางไปที่โรงพยาบาล และได้พบพูดคุยกับผู้อำนวยการโรงพยาบาล ยืนยันว่าทางโรงพยาบาลไม่ผิดและจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้นมันเป็นกรรมของตน ที่ท้องนอกมดลูกเอง บาทเดียวก็จะไม่จ่ายให้ ด้วยความสงสัยการเสียชีวิตของบุตร ว่าก่อนหน้านี้หมอได้อัลตร้าซาวน์มา 3 ครั้ง แล้วแต่ทำไม่ถึงมองไม่เห็นว่าตนท้องนอกมดลูก ซึ่งตนก็มีร่างกายที่แข็งแรงดี และถ้าหมอผ่าคลอดให้กับตนเร็วกว่านี้หรือห้องผ่าไม่ว่างน่าจะส่งต่อไปที่โรง พยาบาลอื่นตนก็อาจจะไม่เสียลูกในครรภ์ไป จึงได้เข้าไปแจ้งความเพื่อขอศพบุตรไปชันสูตรที่ สถาบันนิติเวช รพ.ศิริราช เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากนั้นตนไม่กล้าที่จะเข้าไปรับการรักษาอีกจึงได้ไปขอประวัติการรักษา ที่โรงพยาบาลเพื่อที่จะได้นำไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลอื่นแต่ทาง รพ.พระราม2 ไม่ยอมให้โดยอ้างว่าประวัติการรักษาอยู่ในห้องผู้อำนวยการไม่สามารถเอาได้ ซึ่งตนเกรงว่ารกที่หมอนำอกไม่หมดจะเกิดการเนา จึงตัดสินใจเข้าร้องต่อมูลนิธิปวีณาฯช่วยเหลือรายที่ 3. นาย เอกสิทธิ์ มนูญผล อายุ 39 ปี แจ้งว่า ภรรยาของตน ชื่อ นาง ฮั่นเหมิง เซียง อายุ 38 ปี เป็นชาวจีน ได้พาเพื่อนไปที่ ศูนย์การแพทย์แห่งหนึ่งเพื่อทำกิ๊ฟ ระหว่างรอเพื่อน ภรรยาของตนได้โทรมาบอกว่า กำลังจะเข้าพบหมอคนหนึ่ง เพื่อเป่าท่อนำไข่ ผู้แจ้งจึงเกิดความเป็นห่วงภรรยา จึงได้ตามไปที่ศูนย์การแพทย์แห่งนั้น เมื่อไปถึงก็พบภรรยาของตน มีอาการหนักมากแล้ว หมอและพยาบาลกำลังทำการรักษา แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ ทางศูนย์การแพทย์จึงได้ประสานรถกู้ภัยนำศพส่งโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งตอนนั้นภรรยาของตนไม่มีสัญญาณชีพแล้ว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ภรรยาของตนได้ไปตรวจสุขภาพประจำปีมา สุขภาพก็แข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัวใดๆ ทั้งนี้น่าจะเกิดจากความประมาทของแพทย์รายที่ 4. น.ส.ยุพิน มีคุณ อายุ 30 ปี แจ้งว่า เมื่อวันที่ 30 ก ค.2555 ตนปวดท้องใกล้คลอดจึงได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลบึงกาฬ เวลา 11.00 น. ได้ตรวจครรภ์พบว่าเด็กกลับหัวใกล้คลอดแล้ว เวลา 22.00 น.พยาบาลได้พาตนเข้าห้องคลอดแล้วบอกว่าให้พยามเบ่งตนก็ทำตามทุกอย่าง จนเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงเด็กก็ยังไม่คลอด ตนจึงบอกพยาบาลให้หมอช่วยผ่าเด็กออกแต่กลับถูกพยาบาลดุว่าจะผ่าด้วยสาเหตุ อะไร เด็กใกล้จะคลอดเองได้แล้ว พยาบาลก็ผลัดเปลี่ยนกันมากดท้องเพื่อช่วยให้เด็กคลอด แต่ทำอย่างไรเด็กก็ยังไม่คลอด จนเวลาผ่านไป 1 ชม.ครึ่ง พยาบาลจึงโทรหาหมอใหญ่ให้มาดู เมื่อหมอใหญ่มาเห็นก็ตกใจ แล้วบอกกับ พ่อ-แม่ของตนว่า ต้องทำการดูดเด็กออก เพราะตอนนี้อาการหนักทั้งแม่ทั้งลูก จากนั้นหมอก็ดูดเอาเด็กออกมาได้ เมื่อเด็กออกมาแล้วเด็กไม่ร้องไห้ ตัวเขียว ต้องใช้เครื่องออกซิเจนช่วยหายใจ แล้วส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลหนองคาย ทั้งนี้หมอบอกว่าให้ทำใจ เด็กขาดออกซิเจน กินน้ำคร่ำและขี้เทาเข้าไปมาก น.ส.ยุพิน เล่าอีกว่า ลูกของตนต้องอยู่ในห้อง ICU เป็นเวลา 1 เดือนเต็มๆ จากที่จะได้ดูแลลูกอยู่ที่บ้านกลับต้องมาเฝ้าลูกที่โรงพยาบาล ขณะนี้ได้พาลูกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลขอนแก่น ตรวจคลื่นสมองไฟฟ้า หมอบอกว่าเด็กสมองฝ่อ ตอนนี้ลูกอายุ 5 เดือนแล้ว ไม่ยิ้ม ไม่สบตา ไม่มองตามเสียง ตาลอย เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว แขน ขา และตัวเกร็ง ตลอดเวลา จนหลังคดงอ ต้องพาลูกไปโรงพยาบาลหนองคาย ทุกอาทิตย์เพื่อทำกายภาพบำบัด ก่อนหน้านี้ตนกับสามีเคยทำงานเป็นพนักงานโรงงานที่สมุทรปราการ แต่ตอนนี้ งานก็ไม่ได้ทำเงินก็ไม่มีที่จะพาลูกไปหาหมอ ต้องกู้เงินนอกระบบ ทุกวันนี้ไม่มีรายได้อะไรเลยต้องอาศัยบ้านพ่อ-แม่อยู่ ถ้าตอนนั้นหมอมาเร็วกว่านี้ ลูกของตนคงจะไม่เป็นเหมือนทุกวันนี้ภายหลังรับแจ้ง นางปวีณา หงสกุล ประธาน “มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี” (องค์กรสาธารณประโยชน์) กล่าวว่า ได้ประสานไปยังนายแพทย์ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข เพื่อขอให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและให้ความเป็นธรรมด้วยแก่ทุกฝ่าย และจะพาพาผู้เสียหายเข้าพบ นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณะสุข เพื่อขอให้ตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหายทั้งหมดต่อไป.

Sunday, February 17, 2013

คนไทยรับไม่ได้ข่าวโหด จวกลูกทุ่งแต่งโป๊ทำลายวัฒนธรรม

คนไทยรับไม่ได้ข่าวโหด จวกลูกทุ่งแต่งโป๊ทำลายวัฒนธรรม
เอแบคโพลล์ เผยคนส่วนใหญ่ 74% คิดว่าสื่อมีส่วนชี้นำทางการเมือง ระบุในรอบ 30 วันที่ผ่านมาเห็นข่าวฆาตกรรม สังหารโหดในทีวีโดยเฉพาะช่วงพักผ่อน และมีเด็กเยาวชนร่วมดูด้วยซึ่งต่างมีอาการตกใจ ซัดสายการบินเผยแพร่ภาพเซ็กซี่ไม่เหมาะสมทำลายภาพลักษณ์ประเทศ ยี้นักร้องลูกทุ่งนุ่งน้อยห่มน้อยทำลายวัฒนธรรมไทย...เมื่อวันที่ 17 ก.พ.2556 น.ส.ปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือเอแบคโพลล์ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ผลกระทบของการนำเสนอข่าวช่วงเวลาเด่น และสื่อธุรกิจภาพเซ็กซี่ต่อความรู้สึกของเด็กและเยาวชน และต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 2,205 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 10-16 ก.พ.2556 ที่ผ่านมา มีช่วงความคลาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 7 พบว่ากลุ่มตัวอย่างเกือบสามในสี่ หรือร้อยละ 74.0 คิดว่าสื่อในปัจจุบันมีส่วนในการชี้นำทางการเมือง มีเพียงร้อยละ 26.0 คิดว่าไม่ชี้นำ เมื่อเปรียบเทียบสื่อดั้งเดิม และสื่อโซเชียลมีเดียในปัจจุบันพบว่า กลุ่มตัวอย่างเกินกว่าครึ่ง หรือร้อยละ 52.8 ระบุทีวีเป็นสื่อดั้งเดิมในปัจจุบันที่นิยมนำมาใส่ร้ายป้ายสีกันทางการเมืองมากที่สุด รองลงมาคือ วิทยุชุมชน หนังสือพิมพ์ และวิทยุตามลำดับ ส่วนสื่อโซเชียลมีเดียในปัจจุบันที่นิยมนำมาใส่ร้ายป้ายสีกันทางการเมืองมากที่สุด หรือร้อยละ 21.7 ได้แก่ เฟซบุ๊ก รองลงมา ทวิตเตอร์ เว็บบอร์ด เว็บไซต์  อีเมล์ และไลน์ ตามลำดับอย่างไรก็ตามพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.3 เคยพบเห็นข่าวฆาตกรรม การสังหารโหด ผ่านรายการโทรทัศน์ ข่าวทีวีช่วงเวลาเด่นในรอบ 30 วันที่ผ่านมา และกิจกรรมที่กำลังทำขณะดูข่าวฆาตกรรม การสังหารโหดผ่านข่าวทีวี ช่วงเวลาเด่น อันดับแรกได้แก่ ร้อยละ 44.3 ระบุพักผ่อน อันดับสอง ได้แก่ ร้อยละ 31.8 ระบุทานอาหาร และอันดับสามหรือร้อยละ 30.3 ได้แก่ ทำงาน ตามลำดับ โดยกลุ่มตัวอย่างระบุมีกลุ่มเด็กและเยาวชนจำนวนครึ่งต่อครึ่ง หรือร้อยละ 50.5 ที่กำลังอยู่ด้วยกัน ขณะดูข่าวฆาตกรรมการสังหารโหดของผู้คนในสังคม ผ่านข่าวทีวีช่วงเวลาเด่น ในรอบ 30 วันที่ผ่านมา และจากการสังเกต พบว่ากลุ่มเด็กและเยาวชนที่ได้รับชมข่าวฆาตกรรม การสังหารโหดของผู้คนในสังคมอยู่ด้วยนั้น ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.0 มีอาการตกใจ รองลงมาร้อยละ 14.5 ฝังใจกับข่าวนั้นๆ ร้อยละ 13.4 ร้องไห้ ส่วนอาการอื่นๆ ที่สังเกตเห็นคือ มีการใช้คำพูดรุนแรง และมีพฤติกรรมที่รุนแรงตามไปด้วย เป็นต้นนอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างเกือบสองในสาม หรือร้อยละ 61.4 เห็นด้วยว่าสื่อมวลชนควรช่วยลดการนำเสนอ “ภาพข่าวฆาตกรรม ภาพการสังหารโหดร้ายของผู้คนในสังคม” ในรายการข่าวทีวีช่วงเวลาเด่น เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างจำนวนมาก หรือร้อยละ 85.6 ระบุว่ามีผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนจากการนำเสนอ “ภาพข่าวฆาตกรรม ภาพข่าวสังหารโหดร้ายของผู้คนในสังคม”เมื่อสอบถามถึงความเหมาะสมของสื่อธุรกิจภาพเซ็กซี่ของสายการบินพบว่า กลุ่มตัวอย่างจำนวนมากหรือร้อยละ 78.1 ระบุไม่เหมาะสม ซึ่งร้อยละ 83.2 คิดว่าสื่อธุรกิจภาพเซ็กซี่ทำให้เสียภาพลักษณ์ของสายการบินและประเทศไทย ยิ่งไปกว่านี้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.7 ยังระบุอีกว่ากลุ่มนางแบบของสายการบินควรแต่งชุดไทยมายืนหน้าเครื่องบินแทนการแต่งชุดเซ็กซี่ จะทำให้ภาพลักษณ์ของผู้หญิงไทยดูดีในสายตาชาวต่างชาติส่วนกรณีมิวสิกวิดีโอลูกทุ่งร่วมสมัย นุ่งน้อยห่มน้อย พบว่า กลุ่มตัวอย่างจำนวนมาก หรือร้อยละ 70.8 คิดว่าเป็นการทำลายวัฒนธรรมอันดีงามของประเทศไทย โดยร้อยละ 78.8 มีความคิดเห็นต่อผู้ใหญ่ในบ้านเมืองและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องควรออกมาจัดการเพื่อไม่ให้เกิดการทำลายวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ และภาพลักษณ์ของคนไทยโดยส่วนรวมอีกด้วยน.ส.ปุณฑรีก์ กล่าวว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสื่อมีความน่าเป็นห่วงต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของเด็กและเยาวชน และผลสำรวจครั้งนี้ค้นพบว่าพ่อแม่ผู้ปกครองรับรู้ได้ว่า ภาพข่าวฆาตกรรม การสังหารที่โหดร้าย และความรุนแรงรูปแบบอื่นๆ ที่ถูกนำเสนอออกมาจากภาพข่าวของสื่อมวลชน มีผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน เพราะเป็นช่วงเวลาที่เด็กๆ อยู่หน้าจอทีวี ดังนั้น สื่อมวลชนน่าจะพิจารณารูปแบบการนำเสนอภาพข่าวที่จะช่วยลดทอนผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน ส่วนการนำเสนอสื่อภาพธุรกิจเซ็กซี่ของผู้หญิงและผู้ชายไทยจนอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายของภาพลักษณ์ของประเทศชาติและคนไทย จึงเสนอให้ผู้ใหญ่ในสังคมและเจ้าหน้าที่รัฐออกมาช่วยกันดูแลสังคมไทย ปลูกฝังเด็กและเยาวชนให้ตระหนักว่า ความอยู่รอดของชุมชน บริษัท องค์กรด้วยผลกำไรเป็นเรื่องสำคัญ แต่ประเทศชาติต้องมาก่อน หรือว่าในเวลานี้ผู้ใหญ่ในสังคมไทยยอมรับการโป๊เปลือยเซ็กซี่ได้นิดหน่อย ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย ส่วนภาพลักษณ์ของประเทศชาติและประชาชนไม่เกี่ยวกับธุรกิจและผลประโยชน์ของตน

กรมป่าไม้ปรับบทบาทใหม่ อ้างไม่เน้นปราบปราม

กรมป่าไม้ปรับบทบาทใหม่ อ้างไม่เน้นปราบปราม
กรมป่าไม้ออกกฎใหม่บังคับใช้เลื่อยโซ่ยนต์พร้อมปรับบทบาทใหม่ไม่เน้นปราบปราม ชี้ชาวบ้านรุกป่าเพราะยากจนและไม่เข้าใจ ...วานนี้ (16 ก.พ.) นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ตามที่ กระทรวงทรัพยากรฯ ได้ออกกฎกระทรวงกำหนดลักษณะเลื่อยโซ่ยนต์ และส่วนประกอบของเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2555 และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตให้มีการผลิต หรือการนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2555 ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 28 ธ.ค. 2555 ที่ผ่านมา ดังนั้น เพื่อจะได้ดำเนินการให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึง โดย ทสจ. ซึ่งรับมอบหมายจากนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์จะต้องรับแจ้งการมีผลิต หรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ ขนาด 1-2 แรงม้า ความยาวแผ่นบังคับโซ่ 12 นิ้ว ภายใน 90 วัน และต้องทำหมายเลขบนเลื่อยโซ่ยนต์และใบเลื่อยโซ่ยนต์ที่อยู่ในครอบครองก่อน วันที่กระทรวงได้บังคับใช้ภายใน 180 วัน โดยจะสิ้นสุดภายในวันที่ 27 มี.ค.2556 ด้าน นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ กล่าวว่า การบุกรุกทำลายป่าเป็นปัญหาที่กรมป่าไม้ให้ความสนใจและพยายามที่จะแก้ไข แต่ในอดีตจะเป็นการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว จึงทำให้การแก้ไขปัญหาไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จได้อย่างยั่งยืน การใช้วิธีการปราบปราม จับกุมผู้กระทำความผิด โดยใช้บทลงโทษทางกฎหมายแต่เพียงอย่างเดียวอาจมีผลเพียงแต่ชะลออัตราการสูญเสียทรัพยากรป่าไม้เท่านั้น แต่ไม่สามารถยับยั้งขบวนการตัดไม้ทำลายป่าและการบุกรุกได้ ดังนั้น ทิศทางการทำงานของกรมป่าไม้ นอกจากจะต้องทำหน้าที่ดูแลรักษาพื้นที่ป่าให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด แล้วยังต้องบริหารจัดการป่าไม้ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนด้วย“การบุกรุกทำลายป่าของประชาชน มีสาเหตุมาจากความยากจนและความไม่รู้ ดังนั้น หน่วยป้องกันรักษาป่า ต้องปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ใหม่ โดยการส่งเสริมสร้างความเข้าใจให้ชุมชนและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันรักษาป่า ด้วยความร่วมมือ ร่วมใจ และสร้างจิตสำนึกรักษ์ป่าด้วยความเต็มใจ และสมัครใจ ของประชาชนในท้องถิ่น จะเป็นเกราะป้องกันการบุกรุกทำลายป่าได้ดีกว่ากฎข้อบังคับใดๆ” นายรัชฎานางอำนวยพร ชลดำรงค์กุล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจัดการและควบคุมป่าไม้ กล่าวว่า จากการตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจพนักงานพิทักษ์ป่า ของหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ ชย.3 (ภูเขียว) จังหวัดชัยภูมิ พบว่า ในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยฯ นี้ มีจำนวนคดีน้อยที่สุด ส่วนของจังหวัดภาคเหนือซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของประชาชน พบว่า หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ มส.1 (ม่วงต๊อบ) จ.แม่ฮ่องสอน ให้บริการประชาชนดีที่สุด.

ทปอ.มั่นใจคะแนนโอเน็ตเต็มร้อย ให้สทศ.จัดสอบต่อ

ทปอ.มั่นใจคะแนนโอเน็ตเต็มร้อย ให้สทศ.จัดสอบต่อ
ทปอ.มั่นใจคะแนนโอเน็ตเต็มร้อย พร้อมให้ สทศ.จัดสอบต่อไป เผยเป็นระบบปิด คนรู้น้อยโอกาสพลาดสูง แนะหาจุดสมดุลแก้ไขปัญหาเนื้อหาข้อสอบ มีมติสร้างค่านิยมรณรงค์ บัณฑิตไทยไม่โกง และเสนอแยก สกอ.ออกจาก ก.ศึกษา...เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2556  ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ทปอ.ได้เชิญ รศ.ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ร่วมประชุม เพื่อชี้แจงให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้รับฟังถึงปัญหาและแนวทางแก้ไขแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ โอเน็ต ม.6 ซึ่ง ทปอ.รับทราบและอธิการบดีทุกคน ได้ให้กำลังใจ ผอ.สทศ. ในการจัดการสอบ เพราะต้องจัดการสอบสำหรับคนจำนวนมาก ทั้งนี้ อธิการบดีทุกคนแสดงความมั่นใจในข้อสอบโอเน็ต ทั้งมั่นใจในตัวองค์กรและระบบการจัดสอบ อย่างไรก็ตาม ระบบการจัดสอบของ สทศ.นั้น เป็นระบบปิด ให้คนรู้ข้อสอบน้อยที่สุดเพื่อป้องกันการรั่วไหล แต่มีจุดอ่อนคือ โอกาสที่ข้อสอบผิดพลาดก็มีมาก แต่ถ้าเพ่ิมคนตรวจเนื้่อหาข้อสอบ โอกาสข้อสอบรั่วก็มีมาก ทปอ.จึงขอให้ สทศ.หาจุดสมดุลในการแก้ไขปัญหานี้ พร้อมกับตั้งข้อสังเกตถึงเนื้อหาข้อสอบบางวิชา ที่ถามเกี่ยวกับเนื้อหาละคร ซึ่งอาจมีนักเรียนบางคนไม่ได้ดูละครเรื่องที่ข้อสอบถาม ซึ่ง ผอ.สทศ.ก็รับปากที่จะดูแลเนื้อหาข้อสอบ และ ทปอ.พร้อมให้ความร่วมมือส่งอาจารย์ที่มีความสามารถในการออกข้อสอบไปช่วย สทศ. นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการสร้างค่านิยม บัณฑิตไทยไม่โกง และสร้างค่านิยมความรับผิดชอบต่อสังคมให้แก่นิสิตนักศึกษาระดับอุดมศึกษา โดยในปี 2556 มหาวิทยาลัยทุกแห่งจะรณรงค์ต่อต้านการทุจริตในมหาวิทยาลัยทั้งเรื่องการลอก ข้อสอบของนิสิตนักศึกษา การลอกผลงานทางวิชาการของอาจารย์และเจ้าหน้าที่ การตรงต่อเวลา เพราะหากนักศึกษาลอกข้อสอบได้ ก็ทุจริตเรื่องอื่นได้ ทั้ง ม.มหิดล ยัังทำได้ทำการสอบถามนักศึกษาว่า หากทุจริตโดยให้สินบนเล็กน้อยเพื่อให้ได้งาน นักศึกษาส่วนใหญ่เห็นว่ารับได้เพราะเป็นการโกงเพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ทปอ.จึงเห็นควรรณงค์เรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อสร้างบัณฑิตที่ไม่โกง และให้บัณฑิตมีส่วนในการแก้ปัญหาคอรัปชั่นของสังคมไทยที่เพ่ิมมากขึ้นด้วย ศ.ดร.สมคิด กล่าวด้วยว่า อธิการบดีทุกคนเห็นตรงกันว่า ควรที่จะเสนอแยกสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ออกจากกระทรวงศึกษาธิการ เพราะตั้งแต่รวมกระทรวง งานอุดมศึกษาแย่ลงกว่าเดิม อิสระน้อยลง ขั้นตอนการทำงานมากขึ้น ฝ่ายการเมือง ไม่ได้ส่งคนที่ดีที่สุดมาดูแล สกอ. จึงมีมติขอให้ รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดี ม.แม่ฟ้าหลวง, ศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดี ม.พะเยา และ ศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ รวบรวมข้อมูลเสนอ ทปอ.พิจารณานัดหน้า.

Blog Archive