Friday, November 16, 2012

หมอประดิษฐ เล็งยุบกองทุนย่อยใน สปสช.

หมอประดิษฐ เล็งยุบกองทุนย่อยใน สปสช.
หมอประดิษฐ เล็งยุบกองทุนย่อยใน สปสช. ลุ้นขยาย 30 บาทพลัส ลดเหลื่อมล้ำ เร่งปั้นจุดเด่นเปิด “เมดิคัลฮับ”...เมื่อวันที่ 16 พ.ย. นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมพร้อมมอบนโยบายที่กรมการแพทย์ ว่า  กรมการแพทย์ถือเป็นกรมที่มีศักยภาพสูง ดังนั้นในอนาคตกรมการแพทย์จะเป็นองค์กรสำคัญของ สธ. ที่จะช่วยในเรื่องการบริหารจัดการ เช่น เข้าไปร่วมทำงานกับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อร่วมวางแนวทาง เช่น การใช้ยาและการรักษาพยาบาลที่เหมาะสม รวมถึงการลดปัญหาการใช้ยาที่ไม่เหมาะสมและควบคุมงบประมาณในการรักษาที่ไม่จำเป็น ซึ่งในอนาคตการทำงานอาจต้องทำแบบบูรณาการ มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ที่ทำได้ผลเป็นที่น่าพอใจอยู่แล้ว ก็อาจต้องนำไปรวมกับการทำงานของกองทุนสตรี เพื่อให้งานชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ เรื่องการเปิดเมดิคัลฮับ ก็ต้องทำให้ประเทศอื่นเห็นถึงความสามารถของไทยและควรหาจุดเด่นว่าเราจะชูเรื่องใด เพราะที่ผ่านมา ไทยถือว่ามีผลงานทางวิชาการที่ไม่เป็นรองประเทศไหนนพ.ประดิษฐ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวคิดเรื่อง 30 บาทพลัส นั้น ยังเป็นแนวคิดที่ต้องขยายผลต่อไป เพื่อพยายามทำให้ทั้ง 3 กองทุน กลมกลืนกัน เพราะปัจจุบันสิทธิประโยชน์และการบริหารจัดการของทั้ง 3 กองทุนถือว่ายังมีความแตกต่างกัน เพราะที่มาของกองทุนมีความแตกต่างกัน และในอนาคตต้องมองถึงเรื่องการบริหารจัดการ เช่น กองทุนย่อยต่างๆ โดยเฉพาะโรคพิเศษ ที่เพิ่มเข้ามาในงบของ สปสช. อาจต้องมีการยุบรวมเพื่อให้เกิดการบริหารจัดการที่เหมาะสมและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเปลี่ยนเป็นกองทุนเฉพาะกลุ่ม เช่น เพื่อผู้สูงวัย หรือคนพิการแทน เพราะการมีกองทุนย่อยทำให้ความสนใจในการดูแลผู้ป่วยนั้นถูกเบี่ยงเบนไปเพื่อทำภารกิจที่จะได้รับงบประมาณเพิ่มแทน ซึ่งเรื่องดังกล่าวยังเป็นเพียงแนวคิดที่ต้องหารือกันในคณะกรรมการบริหารบอร์ด สปสช.ต่อไป.

รมว.ศธ.ชวนนักเรียน ม.5 ร่วมสมัครสอบ 1 อำเภอ 1 ทุน

รมว.ศธ.ชวนนักเรียน ม.5 ร่วมสมัครสอบ 1 อำเภอ 1 ทุน
เผยเกณฑ์คัดเด็ก 1 อำเภอ 1 ทุน ปี 56 ต้องมีใบรับรองแพทย์ลดปัญหาเรียนไม่ไหว เจอปมสุขภาพจิต ไต ไทรอยด์ ถอนตัวกลับประเทศ รมว.ศธ.เชิญชวนนักเรียน ม.5 ร่วมสมัครในวันที่ 24 ธ.ค.2555-วันที่ 31 ม.ค.2556...เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 55 ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ 1 อำเภอ 1 ทุน ว่า ที่ประชุมพิจารณาการจัดสรรทุนสำหรับปีการศึกษา 2556 โดยแบ่งการจัดสรรทุนออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทนักเรียนยากไร้ 1 อำเภอ 1 ทุน สำหรับนักเรียนที่ครอบครัวมีรายได้ 200,000 บาทต่อปี เน้นศึกษาต่อในประเทศที่ใช้ภาษาอื่นๆ นอกจากภาษาอังกฤษ และประเภทสอบคัดเลือกนักเรียนที่มีความสามารถ 1 อำเภอ 1 ทุน โดยทำการคัดเลือกตามความรู้ ความสามารถ ซึ่งเน้นการเรียนต่อสาขาขาดแคลน ได้แก่ แพทย์ วิศวกร วิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษ โดยเลือกเรียนในประเทศใดก็ได้ และจะรับสมัครตั้งแต่นักเรียน ม.5 เพื่อเปิดโอกาสทั้งจะได้มีเวลาเตรียมตัว โดยทั้ง 2 ประเภท จะเปิดรับสมัครวันที่ 24 ธ.ค.2555-วันที่ 31 ม.ค.2556ที่ผ่านมานักเรียนทุน 1 อำเภอ 1 ทุน ประสบปัญหาไม่สามารถเรียนต่อได้ ต้องคืนทุนและกลับประเทศ ประมาณ 20-30% โดยพบว่ามีปัญหาด้านสุขภาพ เช่น โรคไต โรคไทรอยด์ รวมไปถึงปัญหาด้านสุขภาพจิต ในระดับเสี่ยงที่มีผลต่อการเรียน ปัญหาสมาธิสั้น ดังนั้นนักเรียนทุนที่ผ่านมาคัดเลือกแล้ว จะต้องตรวจร่างกายและส่งใบรับรองแพทย์ให้พิจารณา ก่อนการสอบสัมภาษณ์ เพื่อลดปัญหาการยุติทุน ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน นายพงศ์เทพ กล่าวและว่า ขอเชิญชวนนักเรียนมาสมัครสอบกันมากๆ เพื่อหาประสบการณ์การสอบชิงทุน และเพื่อที่กระทรวงศึกษาธิการจะได้มีโอกาสคัดเลือกเด็กที่มีความรู้ ความสามารถ ระดับสูง ซึ่งจะทำให้โอกาสการเรียนจบสูงเช่นกัน โดยใช้งบประมาณแผ่นดิน จำนวน 395 ล้านบาท

วิถีอนุรักษ์ชาวนาไทย ลงแขกเกี่ยวข้าว ประหยัด สร้างความสามัคคี

วิถีอนุรักษ์ชาวนาไทย ลงแขกเกี่ยวข้าว ประหยัด สร้างความสามัคคี
ชาวนาสกลนคร ยังคงอนุรักษ์ประเพณี ลงแขกนาวาน หวังลดค่าใช้จ่ายฤดูเก็บเกี่ยว เผยหากใช้เครื่องเสียเงินมากกว่าหลายเท่า แต่การลงแขกนาวานเพียงแค่เลี้ยงข้าว อาหารกลางวัน-อาหารเย็น และยังเป็นการสร้างความสามัคคี พึ่งพากันในยามวิกฤติแล้งแบบนี้...หากผ่านไปตามท้องไร่ท้องนา ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต้องยอมรับกันว่า เห็นแล้วเหนื่อยใจแทนเกษตรกรจริงๆ เงินก้อนที่เก็บหอมรอมริบมาเป็นปี จากการขายผลผลิตจากข้าวในยุ้งฉาง เพื่อนำเงินมาลงทุนทำนาปี ในปีการผลิต 2555/56 หวังที่จะมีรายได้มาจุนเจือใช้จ่ายในครอบครัว ส่งเสียบุตรหลานได้เล่าเรียน ผ่อนจ่ายหนี้สินที่กู้ยืมมา แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ปีที่แล้วน้ำท่าก็อุดมสมบูรณ์เสียเหลือเกิน จนท่วมไร่นาเสียหายไปทุกพื้นที่ยังไม่พอ ปีนี้ต้องมาแล้งน้ำจนพื้นดินแตกระแหง รวงข้าวที่ตั้งท้องเรียงรายหลายแสนไร่ ต่างพากันล้มตายเพราะขาดน้ำไปหล่อเลี้ยง บางคนหมดหนทาง ต้องดิ้นรน ยอมควักกระเป๋าเพิ่มอีก เพื่อมาจ่ายค่าน้ำมันในการสูบน้ำเข้าไร่นา หรือไม่มีก็ต้องไปเช่าคนอื่นมาอีกอย่างเช่นพื้นที่นาของ นางเขียน สิมแสงมี อายุ 52 ปี อำเภอเต่างอย จ.สกลนคร ซึ่งมีพื้นที่นา 13 ไร่ ก็อาจเป็นหนึ่งคนที่โชคดี เพราะต้นข้าวในนาสามารถสุกได้ทันพร้อมเก็บเกี่ยว เกือบหนีไม่ทันความแห้งแล้งที่คืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ โดยนางเขียนบอกว่า จากรายจ่ายที่มีมากขึ้นเพราะต้องสูบน้ำจากแหล่งน้ำเข้าไร่นาของตน และต้องคอยดูแลจนกว่าข้าวจะสุก แม้หลายคนจะเร่งเกี่ยวข้าวเพื่อหนีแล้งด้วยการใช้เครื่องเกี่ยวข้าว แต่มองว่าต้องจ่ายเพิ่มอีก ซึ่งมีค่าบริการ 700-750 บาท ต่อไร่ ที่นา 13 ไร่ จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 11,000-12,000 บาท หรือหากมีการจ้างคนมาเกี่ยวก็เฉลี่ย 250-300 บาท ต่อคนต่อวัน จึงทำให้รายจ่ายมีมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งข้าวก็ไม่ทราบว่าจะขายได้มากน้อยเพียงใดนางเขียน เล่าว่า ตนต้องหาวิธีลดรายจ่าย ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจใช้วิธีประเพณีลงแขกนาวาน ซึ่งปัจจุบัน การลงแขกนาวาน จะมีค่าใช้จ่ายเพียง 1- 2 พันบาท ก็คือเจ้าของนาที่ไปไหว้วานพี่น้อง ญาติ หรือเพื่อนบ้านมาก็ไปรับไปส่งและเลี้ยงอาหารกลางวันและเย็น สำหรับนาวานในที่นาของตนได้ญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้านมาช่วยถึง 30 คน ทั้งชายและหญิง ต่างพากันใช้เคียวเกี่ยวข้าวอย่างขยันขันแข็ง นา 13 ไร่ จะใช้เวลาเกี่ยวเพียง 1 วันก็สามารถเกี่ยวแล้วเสร็จแล้ว หลังจากนั้นก็ไปช่วยคนอื่นๆ ในกลุ่ม อีกคนละวันหรือ 2 วัน จนกว่าจะหมด ซึ่งถือว่าเป็นการอาศัยไหว้วานกัน แสดงออกถึงความรักความสามัคคีระหว่างชาวบ้านในชุมชน โดยไม่แบ่งแยกว่าจะเป็นสีใด เรามีสีเดียวคือสีชาวนา นับว่าเป็นความรักและการแบ่งปันที่คุ้มค่าการลงแขกนาวาน เป็นประเพณีที่มีมานาน สมัยโบราณแต่เดิมนั้นไม่มีเครื่องจักรทันสมัยอำนวยความสะดวก เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว หากมีนามากยิ่งใช้เวลานานในการเก็บเกี่ยว ซึ่งจะทำให้ข้าวแห้งเกินไปและกรอบเร็ว ลำพังคนมีไม่กี่คนก็จะเก็บเกี่ยวไม่ทัน จึงเป็นที่มาของการเรียกคนจำนวนมากมาช่วยกันเก็บเกี่ยว นอกจากจะเป็นการลดต้นทุนในการเก็บเกี่ยวข้าว ตนมองว่าทุกคนที่ต่างมาช่วยกันก็มาด้วยความรักใคร่สามัคคีกัน ได้พบปะพูดคุย ถามสารทุกข์สุกดิบซึ่งกันและกัน พึ่งพาและเกื้อกูลกัน หากที่นาของตนเกี่ยวหมดแล้วคนที่มีนารอเก็บเกี่ยวก็จะไหว้วานกลุ่มเดียวกันไปเกี่ยวที่นาของผู้ที่ร้องขอมา นับได้ว่าเป็นการเกื้อหนุนซึ่งกันและกันในวิกฤติภัยแล้งแบบนี้ อันเป็นตัวอย่างที่ดีให้ประเพณีลงแขกนาวานอยู่คู่กับชาวไทยต่อไป นางเขียน กล่าว. 

Wednesday, November 14, 2012

สธ.คาดอีก 8 ปีคนไทยป่วยเบาหวานเกือบ 5 ล้านราย

สธ.คาดอีก 8 ปีคนไทยป่วยเบาหวานเกือบ 5 ล้านราย
Pic_306149 รมช.สาธารณสุข คาดอีก 8 ปี คนไทยจะป่วยเป็นเบาหวานเกือบ 5 ล้านคน เสียชีวิตเฉลี่ยปีละกว่า 5 หมื่นราย แนวโน้มเด็กป่วยเพิ่มขึ้น รณรงค์ค้นหาผู้ป่วยเบาหวานหันมาเปลี่ยนพฤติกรรมใช้หลัก 3 อ. 2 ส.

เมื่อ วันที่ 14 พ.ย. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมช.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า องค์การอนามัยโลก และสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ ได้กำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันเบาหวานโลก (World Diabetes Day) และจัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันควบคุมโรคเบาหวานพร้อมกันทั่วโลก ในปี 2555 นี้ ได้กำหนดคำขวัญในการรณรงค์ว่า “พิทักษ์อนาคตไทย พ้นภัยเบาหวาน” (Diabetes : protect our future) มุ่งเน้นให้ความรู้ในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตและกำลังสำคัญของประเทศ รวมทั้งพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู บุคลากรสาธารณสุข กลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วย และประชาชนทั่วไป ให้ตระหนักภัยจากโรคเบาหวาน และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพป้องกันการป่วย

รม ช.สาธารณสุข กล่าวว่า โรคเบาหวานเป็นโรคไม่ติดต่อ เป็นแล้วจะมีอาการเรื้อรัง รักษาไม่หายขาด เป็นภัยเงียบ คุกคามสุขภาพและชีวิตของประชากรทั่วโลก สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ คาดการณ์ว่า ในปี 2553 ทั่วโลกมีผู้ป่วยเบาหวานอายุ 20-79 ปี 285 ล้านคน จะเพิ่มเป็น 438 ล้านคน ในปี 2573 ในจำนวนนี้ 4 ใน 5 เป็นชาวเอเชีย ที่สำคัญคือมีเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี 4.4 แสนคน ป่วยเป็นเบาหวานชนิดที่ต้องพึ่งอินซูลิน และแต่ละปีมีเด็กมากกว่า 70,000 คน มีแนวโน้มป่วยเป็นเบาหวานชนิดนี้ ซึ่งจะทำให้มีอายุสั้นลงอีก 10-20 ปี โดยพบในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากที่สุด สำหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจคัดกรองประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป จำนวน 22.2 ล้านคน ใน พ.ศ.2554 พบผู้ป่วยเบาหวาน 1,581,857 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อน 277,020 ราย คิดเป็นร้อยละ 18 ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด โดยมีภาวะแทรกซ้อนทางไตมากที่สุด เช่น ไตวาย ร้อยละ 25 รองลงมาคือแทรกซ้อนทางตา เช่น ตาต้อกระจก ต้อหินร้อยละ 23 คาดการณ์ว่าในอีก 8 ปีข้างหน้า ไทยจะพบผู้ป่วยถึง 4.7 ล้านราย เสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 52,800 ราย แนวโน้มพบในเด็กมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้เด็กไทยเผชิญความอ้วนมากขึ้น หากไม่มีการป้องกันควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ

นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า ต้นเหตุสำคัญ โดยส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานคือความอ้วน เนื่องจากมีการสะสมของเซลล์ไขมันในร่างกาย และสร้างสารที่มีฤทธิ์ดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยนำน้ำตาลในเลือดไปใช้สร้างกล้ามเนื้อและไขมัน และขัดขวางการเผาผลาญน้ำตาลในร่างกาย ระดับน้ำตาลในเลือดจึงสูง เสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดตามมา ทั้งนี้ สัญญาณเตือนของโรคเบาหวาน ได้แก่ ปัสสาวะบ่อยและมากกว่าปกติ คอแห้ง กระหายน้ำ และดื่มน้ำมากผิดปกติ หิวบ่อย กินจุแต่น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว รู้สึกอ่อนเพลียไม่มีแรง ซึม และหายใจหอบเหนื่อยง่าย เด็กบางรายปัสสาวะรดที่นอนตอนกลางคืน หรือปัสสาวะทิ้งไว้มีมดตอม เป็นแผลเรื้อรัง แผลหายช้า คันตามผิวหนัง เป็นต้น หากมีอาการเหล่านี้ขอให้พบแพทย์ ส่วนโรคเบาหวานในเด็ก สามารถสังเกตได้โดยดูจากน้ำหนักตัวและรูปร่างของลูกว่าเริ่มมีภาวะอ้วน ร่วมกับมีรอยดำรอบต้นคอ ใต้รักแร้ หรือขาหนีบ ให้สงสัยว่าลูกอาจเป็นเบาหวาน ขอให้พาไปพบแพทย์เพื่อตรวจระดับน้ำตาลในเลือดว่าสูงผิดปกติหรือไม่

ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในปี 2555-2556 กระทรวงสาธารณสุข ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขทุกพื้นที่ รณรงค์ค้นหาโรคเบาหวานในประชาชนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปทุกคน เพื่อให้ความรู้ประชาชนกลุ่มที่มีความเสี่ยงป่วยเป็นเบาหวาน และประชาชนทั่วไป หันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตป้องกันไม่ให้ป่วย โดยใช้หลัก 3 อ. 2 ส. ได้แก่ อาหาร กินให้ครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่พอเหมาะ กินผักผลไม้เพิ่มขึ้น กินปลาและเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง รสหวานหรือเค็มมากเกินไป และอาหารจานด่วน ขนมหวาน ขนมกรุบกรอบ และน้ำอัดลม ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมน้ำหนักตัว และทำให้จิตใจแจ่มใส หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มสุรา นอกจากนี้ควรจำกัดชั่วโมงการเล่นคอมพิวเตอร์และดูโทรทัศน์ของลูกหลานไม่ให้ เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน เนื่องจากเด็กจะกินอาหารเพิ่มขึ้นระหว่างทำกิจกรรมเหล่านั้น

ขณะที่ นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ป่วยเบาหวานขณะนี้ ร้อยละ 95 เป็นเบาหวานที่เกิดมาจากพฤติกรรมทั้งจากการกินอาหารรสหวาน อ้วน และดื่มสุรามาก ไม่ใช่จากกรรมพันธุ์ สาเหตุเกิดจากการกินอาหารไม่เหมาะสม ขาดการออกกำลังกาย ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้แล้ว ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เน้น 3 เรื่อง คือ ควบคุมอาหาร กินยาต่อเนื่อง ออกกำลังกาย และพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามอาการ รวมทั้งอย่าหลงเชื่อคำโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณอาหารเสริมต่างๆ ว่ากินแล้วสามารถรักษาโรคให้หายได้ จนขาดนัดติดตามการรักษาของแพทย์ ซึ่งจะทำให้อาการกำเริบ เกิดภาวะแทรกซ้อนอันตรายตามมา.

Monday, November 12, 2012

กรมศิลป์สั่งสำรวจโบราณสถานหลังแผ่นดินไหวพม่า

กรมศิลป์สั่งสำรวจโบราณสถานหลังแผ่นดินไหวพม่า
Pic_305581 พระธาตุดอยสุเทพ  -  พระธาตุจอมทอง
กรมศิลป์สั่งสำรวจโบราณสถานในพื้นที่ภาคเหนือ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวในพม่า หวั่นได้รับความเสียหาย...

เมื่อ วันที่ 12 พ.ย. นายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศพม่าและรู้สึกได้ถึงจังหวัดในภาคเหนือของ ไทย ทางกรมศิลปากรจึงได้สั่งการให้สำนักศิลปากรในเขตพื้นที่ภาคเหนือทั้งหมด เร่งตรวจสอบโบราณสถานและเจดีย์เก่าแก่ที่อาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่น ดินไหวครั้งนี้ ทั้งที่เคยเกิดความเสียหายจากแผ่นดินไหวและไม่เคย อาทิ พระธาตุจอมกิตติ จ.เชียงราย พระธาตุดอยสุเทพ พระธาตุจอมทอง จ.เชียงใหม่ พระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน พระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง พระเจ้าตนหลวง วัดศรีโคมคำ จ.พะเยา

อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้สำนักศิลปากรในเขตพื้นที่ภาคเหนือทุกหน่วยงานเฝ้าระวังอย่าง ใกล้ชิด โดยเฉพาะพระธาตุจอมกิตติ ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี เคยเกิดรอยร้าวปลียอดฉัตรหักลงมา จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในภาคเหนือเมื่อหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังเป็นห่วงพระธาตุดอยกองมู จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับประเทศพม่า ขณะนี้รอผลการตรวจสอบความเสียหายอยู่.

Sunday, November 11, 2012

จี้ สพฐ.ทบทวนนโยบายรับนักเรียนปี 56

จี้ สพฐ.ทบทวนนโยบายรับนักเรียนปี 56
Pic_305007 จี้ สพฐ.ทบทวนนโยบายรับนักเรียนปี 56 อัดกวาดเด็กเรียนสามัญทำลายชาติ เตรียมหอบข้อมูลแจง “พงศ์เทพ”...

ดร.อินทร์ จันทร์เจริญ นายกสมาคมวิทยาเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการเข้าพบนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ เพื่อแสดงความยินดีและนำเสนอปัญหาการจัดการอาชีวศึกษาของประเทศ ทางสมาคมฯได้ขอให้ รมว.ศึกษาธิการให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาด้านอาชีวศึกษาให้เป็นไป ตามนโยบายของรัฐบาล โดยจัดการเรียนการสอนด้านอาชีวศึกษาให้สนองตอบต่อความต้องการของตลาดแรงงาน และเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนอาชีวศึกษาต่อผู้เรียนสายสามัญเป็น 60:40 รวมทั้งส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนสำคัญในการจัดการศึกษาเพื่อแบ่งเบา ภาระของรัฐ พร้อมกันนี้ต้องจัดการศึกษาให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โดยในส่วนของการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ซึ่งถือเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐาน รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ในความเป็นจริง นักเรียน ปวช.ในสถานศึกษาของเอกชน หากเป็นลูกหลานข้าราชการสามารถนำไปเบิกได้ ส่วนคนธรรมดาต้องควักกระเป๋าเอง

ดร.อินทร์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ นายพงศ์เทพได้รับฟังปัญหา และยินดีที่จะให้ทางสมาคมฯนำปัญหาพร้อมรายละเอียดมานำเสนออีกครั้งในเร็วๆ นี้ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาร่วมกัน ซึ่งทางสมาคมฯเตรียมที่จะนำเสนอให้มีการทบทวนนโยบายรับนักเรียน ประจำปีการศึกษา 2556 ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่มีการปรับเกณฑ์การรับนักเรียนชั้น ม.4 โดยลดเกรดการรับนักเรียนชั้น ม.3 เดิมเป็น 1.50 ให้มีสิทธิสอบเข้าเรียนต่อได้ รวมทั้งให้มีการสอนเรียนภาษาอังกฤษ ปวช.ในโรงเรียนมัธยม เพราะจะเป็นการสูญเปล่าทางงบประมาณ และบั่นทอนการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากขณะนี้ประเทศกำลังขาดแคลนแรงงาน ในขณะที่บัณฑิตด้านสังคมศาสตร์กำลังล้นตลาด ซึ่งเป็นการบริหารกำลังคนที่ผิดพลาด ตนเห็นว่าหาก สพฐ.ยังมีนโยบายดังกล่าว สุดท้ายประเทศชาติก็จะไม่ได้ประโยชน์และยังเป็นการทำลายชาติ จึงอยากให้ สพฐ.ทบทวนนโยบายการรับนักเรียนของปี 2556 โดยยึดประเทศเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการปรับเพิ่มเงินเดือนปริญญาตรี เป็น 15,000 บาท แต่จนถึงขณะนี้สถานศึกษาเอกชนยังไม่ได้รับเงินอุดหนุนรายหัวที่จะไปจ่ายเป็น เงินเดือนครู  ล่าสุดเดือน  ก.ย.ก็ได้รับมาเพียง 60%.

พม.รุดช่วยหญิงชราวัย69 อ้างแม่'โป๊งเหน่ง'

พม.รุดช่วยหญิงชราวัย69 อ้างแม่'โป๊งเหน่ง'
Pic_305187 พม.รุดช่วยหญิงชราวัย 69 อ้างแม่ 'โป๊งเหน่ง' ส่งเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือเบื้องต้นทันที พร้อมทำเรื่องย้ายไปยังบ้านพักคนชรา หากได้รับการร้องขอ  ...

กรณี นางณัฐกนก วันเพ็ญ หญิงชราวัย 69 ปี ซึ่งอ้างว่าเป็นมารดาของ "โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม" ตลกชื่อดัง ถูกลูกชายไล่ตะเพิดจนต้องไปอาศัยอยู่ที่วัดพระยาสุเรนทร์ ขณะที่ "โป๊งเหน่ง" ปฏิเสธความเป็นแม่ลูกนั้น
เมื่อ วันที่ 10 พ.ย. นายปกรณ์ พันธุ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ว่า นางณัฐกนก วันเพ็ญ หญิงชราวัย 69 ปี จะเป็นมารดาของ โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม จริงหรือไม่ แต่เมื่อได้รับความเดือดร้อนทาง พม. จะต้องเข้าไปดูแลคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือ โดยตนจะประสานไปยังเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพชุมชนเขต 8 คลองสามวา เพื่อเข้าไปช่วยเหลือดูแลเบื้องต้นทันที ซึ่งคงต้องสอบถามความช่วยเหลือที่ต้องการรวมถึงประเมินสภาพจิตใจและร่างกาย ซึ่งหากต้องการจะให้ช่วยเหลือที่พัก พม. ก็พร้อมให้ความดูแล โดยระยะแรกคงต้องเข้าไปอยู่ที่บ้านพักเด็กและครอบครัว ที่บ้านราชวิถีก่อน เป็นกรณีฉุกเฉิน ก่อนที่จะขยับขยายไปยังบ้านพักคนชรา อย่างไรก็ตาม การจะเคลื่อนย้ายที่อยู่ต้องเป็นไปตามความสมัครใจ จากนั้นทางกรมก็คงต้องประสานพูดคุยกับคุณโป๊งเหน่งว่า จะรับผิดชอบอย่างไรหรือไม่ ซึ่งหากไม่มีใครดูแลนางณัฐกนก ทาง พม. ก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือดูแล
นาย ปกรณ์ กล่าวด้วยว่า กรณีที่นางณัฐกนก ระบุเคยขอทำเรื่องไปอยู่ที่บ้านพักคนชราบางแค แต่เจ้าหน้าที่ระบุต้องมีการเซ็นเอกสารยินยอมจากบุตรนั้น ตามระเบียบของกรมนั้นไม่ได้ระบุต้องมีการเซ็นหนังสือยินยอมจากบุตรหลาน เพราะถือว่าคนชราบรรลุนิติภาวะสามารถตัดสินใจได้เองอยู่แล้ว จึงไม่แน่ใจว่าได้ไปติดต่อที่ไหน ถ้าเป็นบ้านพักคนชราบางแค 1 นั้น ขึ้นอยู่กับพม. แต่หากเป็นบ้านพักคนชราบางแค 2 อีกที่นั้น พม. ได้ถ่ายโอนอำนาจให้กรุงเทพมหานครดูแลแล้ว จึงไม่แน่ใจว่ามีการกำหนดระเบียบอย่างไร.

Blog Archive