Thursday, January 10, 2013

ขี้วิตกกังวลสไตล์กลายเป็นคนอายุสั้นดี อาจอยู่ได้ไม่เกินอีก10ปีข้างหน้า

ขี้วิตกกังวลสไตล์กลายเป็นคนอายุสั้นดี อาจอยู่ได้ไม่เกินอีก10ปีข้างหน้า
เผยผลศึกษา คนขี้วิตกกังวลด้วยเรื่องรอบตัว จนจิตใจว้าวุ่น ขาดความเชื่อถือตนเอง บางทีก็ถึงกับนอนไม่หลับมีหวังจะเสียชีวิตลงในช่วงระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า มากกว่าคนที่ไม่รู้สึกผิดปกติถึงร้อยละ 16...แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเมืองน้ำชาศึกษาพบว่า คนขี้วิตกกังวลด้วยเรื่องรอบตัว จนจิตใจว้าวุ่น ขาดความเชื่อถือตนเอง บางทีก็ถึงกับนอนไม่หลับมีหวังจะเสียชีวิตลงในช่วงระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า มากกว่าคนที่ไม่รู้สึกผิดปกติถึงร้อยละ 16เขาเปิดเผยว่า โดยปกติแล้ว ผู้ที่มีความรู้เช่นนี้ จะมีอยู่มากถึง 1 ใน 4 และโดยมากมักไม่รู้สึกตัวด้วย พวกเขาจะรู้สึกวิตกกังวลไปตั้งแต่เรื่องฐานะการเงิน งานรอบข้าง และเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับบุคคล ซึ่งก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันที่จะไม่นึกถึงมันเอาเลยจิตแพทย์ชื่อดังผู้หนึ่ง หมอเกลิน ลูอิส บอกแนะนำว่า ให้หันไปออกกำลัง ทำสมาธิ หรือการสนทนาบำบัด อาจช่วยให้จิตใจค่อยคลายทุรนทุรายลงได้.

ส่งครูร.ร.ส่วนกลางติวเข้มนร.ชายแดนใต้เข้ามหาวิทยาลัย

ส่งครูร.ร.ส่วนกลางติวเข้มนร.ชายแดนใต้เข้ามหาวิทยาลัย
สพม.เขต 15 ร่วมกับ สพม.เขต 2 เซ็นเอ็มโอยู เตรียมส่งครูโรงเรียนดังใน กทม.และปริมณฑล ลงพื้นที่ติวเข้มนักเรียน ม.ปลายจังหวัดชายแดนใต้ เข้าสู่รั้วสถาบันอุดุมศึกษาให้มากขึ้น...เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2556 นายสามารถ วราดิศัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธีจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษามัธยมศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 2 (สพม.2) กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 15 (สพม.15) ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมอิมพีเรียล อ.เมือง จ.นราธิวาส โดยจะนำคณะครูจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อาทิ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี เดินทางมาติวเข้มความรู้เตรียมสอบให้กับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเสริมความรู้สอบเข้ามหาวิทยาลัยในกลุ่มสาระวิชาหลัก ช่วยให้นักเรียนในพื้นที่สามารถสอบเข้าเรียนต่อในสถาบันอุดมศึกษาเพิ่มมากขึ้น สำหรับการดำเนินการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการจัดโครงการ รินน้ำใจสู่น้องชาวใต้ ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ ซึ่งจะนำคณะครูจากโรงเรียนมีชื่อเสียงมาติวเข้มความรู้ให้กับนักเรียนในพื้นที่ เพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยในการจัดโครงการติวเข้มแต่ละครั้งจะใช้เวลาเพียง 5 วัน ทำให้นักเรียนในพื้นที่สามารถเข้าใจข้อสอบต่างๆ มากขึ้น.

เผยคำขวัญ เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ โดนใจเด็กไทยสุด

เผยคำขวัญ เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ โดนใจเด็กไทยสุด
เอแบคโพล เผยเด็กไทยชื่นชอบคำขวัญวันเด็กปี 16 “เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ” ของจอมพลถนอมมากสุด ส่วนคำขวัญปี 56 ของ ยิ่งลักษณ์ รัั้งที่ 2 ซึ่งต่างมองว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันไม่ได้แก้ปัญหาเด็กอย่างจริงจังต่อเนื่อง อยากให้ผู้ใหญ่ทำดีให้เด็กดู ซื่อสัตย์ ไม่โกง และไม่แตกแยก เลิกทะเลาะกัน...เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2556 ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง เด็กๆ ชื่นชอบคำขวัญวันเด็กของนายกรัฐมนตรีคนใดมากที่สุด โดยนำคำขวัญวันเด็กตั้งแต่สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ในปี พ.ศ.2499 จนถึงยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ในปี 2556 มาให้เลือกว่าชื่นชอบหรือไม่ โดยไม่มีการระบุชื่อว่าเป็นคำขวัญวันเด็กของนายกรัฐมนตรีท่านใด พบว่า คำขวัญวันเด็กในปี 2516 ของจอมพลถนอม กิตติขจร ที่ระบุว่า “เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ” ได้รับความชื่นชอบมากที่สุดคือ ร้อยละ 89.6 รองลงมาคือคำขวัญวันเด็กของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในปี 2556 ที่ระบุว่า รักษาวินัย ใฝ่เรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา นำพาไทยสู่อาเซียน ได้ร้อยละ 88.9 ส่วนคำขวัญวันเด็กของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในปี 2555 ที่ระบุว่า สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี ได้ร้อยละ 88.0 รองลงมาคำขวัญวันเด็กในปี 2539 ของนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ว่า มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด และคำขวัญวันเด็กในปี 2520 ของนายธานินทร์ กรัยวิเชียร ที่ระบุว่า รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย ตามลำดับ ทั้งนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.0 ระบุว่ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่ได้แก้ปัญหาเด็กและเยาวชนอย่างจริงจัง และไม่ต่อเนื่อง ในขณะที่ร้อยละ 44.0 ระบุว่ารัฐบาลได้แก้ปัญหาอย่างจริงจังและต่อเนื่องแล้ว นอกจากนี้ เด็กๆ ยังได้ระบุสิ่งที่อยากขอจากผู้ใหญ่ในประเทศในโอกาสวันเด็กที่จะมาถึงนี้ ซึ่งตอบได้มากกว่า 1 ข้อ โดยร้อยละ 60.0 ระบุทำดีให้เด็กดูก่อน อย่าโทษแต่เด็ก รองลงมาร้อยละ 57.9 ระบุขอให้ผู้ใหญ่มีความซื่อสัตย์ เลิกคดโกง ร้อยละ 56.2 ระบุช่วยกันพัฒนาประเทศ ไม่แบ่งฝ่าย ไม่แตกแยก ร้อยละ 56.0 ระบุช่วยกันทำให้สังคมไทยสงบสุข ร้อยละ 55.2 ขอให้รับฟังและเข้าใจเด็กมากขึ้น และร้อยละ 54.4 อยากให้ผู้ใหญ่เลิกทะเลาะกัน เลิกใช้ความรุนแรงตามลำดับดร.นพดล กล่าวด้วยว่า สำหรับคำขวัญวันเด็กของจอมพลถนอม ที่ได้รับความชื่นชอบมากที่สุด เพราะมีความหมายลึกซึ้ง ทั้งความรู้ คุณธรรม และให้ความสำคัญต่อชาติ มาเป็นอันดับแรก ซึ่งมักจะขาดไปในจิตใจของคนไทยจำนวนมาก ที่มักจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ดังนั้น รัฐบาลน่าจะรณรงค์เข้มข้นและหามาตรการส่งเสริมพฤติกรรมของประชาชนว่า ถึงแม้ตัวเองและครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญ แต่ประเทศชาติต้องมาก่อนชุมชนและองค์กรบริษัททั้งหลาย จึงเสนอให้รัฐบาลทำโครงการทำดีให้เด็กดู ทั้งระดับครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่ต้องซื่อสัตย์ต่อกันก่อนที่จะรณรงค์ให้ คนในชาติซื่อสัตย์สุจริต ผู้ใหญ่ในชุมชนและสังคมน่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองหันมาให้ความเมตตากรุณา รู้จักให้อภัยรู้จักยับยั้งชั่งใจ หลีกเลี่ยงการใช้อารมณ์ที่รุนแรงต่อเด็ก ทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน และระดับชาติ.

Monday, January 7, 2013

หลบภัยไข้หวัดระบาด แนะเก็บตัวอยู่บ้านนาน 4 วัน

หลบภัยไข้หวัดระบาด แนะเก็บตัวอยู่บ้านนาน 4 วัน
นักวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศส เผยวิธีการป้องกันเชื้อไข้หวัดระบาด แนะผู้ที่เพิ่งป่วยควรจะรีบเก็บตัวอยู่บ้านตลอด 4 วัน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ชี้ป้องกันการเป็นโรคได้ตั้งครึ่ง...นักวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศส เสนอวิธีหลบหลีกภัย ระหว่างที่โรคไข้หวัดระบาดว่า ควรจะหลบซุกเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านติดต่อกันนาน 4 วัน จะขังตัวเองไว้ไม่ให้ไปเที่ยวแพร่เชื้อให้กับคนอื่นได้โดยปกติแล้ว ผู้ที่เป็นหวัดจะก่ออันตราย ก็เฉพาะแค่วันที่เริ่มมีอาการเพียงวันเดียวเท่านั้น มีแค่เพียงร้อยละ 5 เท่านั้น ที่ยังอาจจะพ่นพิษให้กับผู้อื่นได้นานวันกว่านั้นอย่างไรก็ดี แทบจะเป็นไปได้ยาก ที่จะสังเกตให้รู้ได้ว่า ผู้ป่วยจะเป็นพิษเป็นภัยกับคนอื่นได้นานแค่ไหน และยังศึกษาพบด้วยว่า ผู้ที่เพิ่งป่วยควรจะรีบเก็บตัว เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อเสียโดยเร็ว นักวิจัยได้ประเมินว่า ผู้ป่วยจะป้องกันแพร่เชื้อให้กับคนอื่นน้อยลงได้ตั้งครึ่ง ถ้าหากรีบเก็บตัว หรือรีบรักษาตัวเสียตั้งแต่ภายในเวลา 16 ชม. หลังจากที่ปรากฏอาการขึ้นมา.

ราชภัฏโคราชเร่งสร้างนักปราชญ์รับประชาคมอาเซียน

ราชภัฏโคราชเร่งสร้างนักปราชญ์รับประชาคมอาเซียน
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เร่งสร้างนักปราชญ์มุ่งสู่อาเซียน คณบดีแนะครูเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญด้านการประพฤติปฏิบัติ และทำตนให้เป็นแบบอย่างแก่นักศึกษา-เยาวชน...เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ม.ค. 2556 ผศ.นันทกา ปรีดาศักดิ์ คณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) นครราชสีมา เปิดเผยว่า คณะครุศาสตร์ ได้จัดโครงการครุศาสตร์ราชภัฏวิชาการ ในหัวข้อ สร้างนักปราชญ์ ประสาทวิญญาณครู มุ่งสู่อาเซียน โดยมีกิจกรรมด้านวิชาการมากมาย อาทิ การแข่งขันทางวิชาการระดับอุดมศึกษา, การเสวนาพัฒนาผลงานทางวิชาการ และงานวิจัยของคณาจารย์, การสาธิตการสอนของครูต้นแบบ การสอนดีเด่นทุกระดับ และการจัดนิทรรศการ KM พร้อมเปิดคลินิกจิตวิทยาและให้คำปรึกษา คลินิกการศึกษาพิเศษ โดยมีวิทยากรที่มีชื่อเสียง เช่น ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน บรรยายพิเศษ เรื่อง วิทยฐานะ ครูแนวใหม่ ใส่ใจคุณภาพนักเรียน และนายดำรง พุฒตาล อดีตสมาชิกวุฒิสภา บรรยายพิเศษเรื่อง ครูไทยในประชาคมอาเซียน ในระหว่างวันที่ 11–12 ม.ค. 2556 สถานที่จัดกิจกรรม ณ หอประชุมอนุสรณ์ 70 ปี, ห้องประชุมสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ชั้น 3 อาคารเฉลิมพระเกียรติ และบริเวณคณะครุศาสตร์ ภายใน มรภ.นครราชสีมา ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมได้มีการบูรณาการของคณะบดี คณาอาจารย์ นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่สนใจที่ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของบทบาทในการผลิตบุคลากรครูอาชีพและมีจิตวิญญาณของความเป็นครู ซึ่งต้องมีหน้าที่หลักในการจัดการเรียนการสอนและส่งเสริมความรู้ให้เยาวชน เพื่อพัฒนาให้มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ครูจึงเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญด้านการประพฤติปฏิบัติและการทำตนให้เป็นแบบอย่าง ซึ่งการจัดโครงการดังกล่าวเพื่อให้นักศึกษาสาขาการศึกษาทุกคนได้เรียนรู้และพัฒนาตนให้ทันต่อโลกปัจจุบัน และเป็นเวทีเผยแพร่ผลงานของคณาจารย์ นักศึกษา ครูประจำการ และบุคลากรทางการศึกษา ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้นอกจากนั้น ยังเป็นการประกาศเกียรติคุณศิษย์เก่า และครูที่มีคุณธรรม จริยธรรม และมีผลงานดีเด่น ตลอดจนยกย่องครูที่เป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตน เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน.

ท่องอวกาศทำสมองเส่ื่อมเร็ว มนุษย์อวกาศผวาไปดาวอังคาร

ท่องอวกาศทำสมองเส่ื่อมเร็ว มนุษย์อวกาศผวาไปดาวอังคาร
ผลการศึกษาพบ การแผ่รังสีในอวกาศ อาจทำให้มนุษย์ซึ่งเป็นนักอวกาศสมองเสื่อมกันเร็วขึ้น เน้นไปถึงดาวอังคาร ส่อถูกรังสีในระหว่างการเดินทางไกล...แม้จนป่านนี้ ก็ยังไม่เข้าใจอันตรายของการเดินทางในอวกาศกันดีนัก แต่ปรากฏรายงานการศึกษาว่า มีการพบว่าภัยของการแผ่รังสีในอวกาศ อาจทำให้มนุษย์เป็นโรคสมองเสื่อมกันเร็วขึ้นศาสตราจารย์ของศูนย์แพทย์มหาวิทยาลัยโรสเตอร์ ดร.เอ็ม.เคอรี โอบาเนียน กล่าวว่า “การแผ่รังสีในอวกาศ เป็นอันตรายคุกคาม มนุษย์อวกาศในอนาคตอย่างสำคัญ และเสริมว่า เป็นที่ตระหนักกันมาก่อนแล้วว่า การถูกรังสีในอวกาศ อาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อย่างเช่น ทำให้เป็นมะเร็งได้ อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาใหม่ๆ ส่อให้เห็นเป็นครั้งแรกว่า การถูกรังสีในระหว่างการเดินทางไกล อย่างเช่น ไปถึงดาวอังคาร อาจทำให้เกิดปัญหากับสมอง และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสมอง ที่เกี่ยวพันกับโรคสมองเสื่อมได้เร็วขึ้น”องค์การอวกาศสหรัฐฯ มีความเป็นทุกข์ในเรื่องนี้อยู่ เพราะมีแผนการที่จะส่งมนุษย์อวกาศ เดินทางไปยังดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2564 และไปถึงดาวอังคารใน พ.ศ. 2578 นี้.

Sunday, January 6, 2013

คนไทยป่วยไข้เลือดออกพุ่ง ชี้พบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก

คนไทยป่วยไข้เลือดออกพุ่ง ชี้พบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก
สธ.เผยคนไทยป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกสูงขึ้น  ยอดปี 55 ป่วยเพิ่มกว่า 5 พันราย เสียชีวิตเพิ่ม 17 ราย  ระบุแนวโน้มพบการติดโรคในผู้ใหญ่สูงกว่าเด็ก เนื่องจากชะล่าใจไม่ไปพบแพทย์ รวมถึง ไม่แสดงอาการบนผิว จี้ สธ.จว.คุมเข้มตั้งแต่ต้นปี … เมื่อวันที่ 7 ม.ค. นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า  ข้อมูลสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศไทยตลอดปี 2555 ที่ผ่านมา ของกรมควบคุมโรค พบ คนไทยมีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสะสม 74,250 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 116 ต่อประชากร 1 แสนคน เสียชีวิตมี 79 ราย คิดเป็นอัตราการตาย 0.12 ต่อประชากร 1 แสนคน  โดยภาคกลางพบผู้ป่วยมากที่สุด คือ 30,562 ราย เสียชีวิต 30 ราย และหากแยกเป็นจังหวัดพบผู้ป่วยมากที่สุดที่กรุงเทพฯ คือ 9,569 ราย เสียชีวิต 10 ราย ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับปี 2554 จำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกทั่วประเทศ 68,386 ราย เสียชีวิต 62 ราย จะพบว่าปี 2555  ผู้ป่วยจากโรคดังกล่าวเพิ่มขึ้น 5,864 ราย  และเสียเพิ่มขึ้นถึง 17 ราย นอกจากนั้น คาดว่าในปีนี้ (2556) สถานการณ์การระบาดจะมากขึ้น จึงได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขทั่วประเทศดำเนินการควบคุมป้องกันโรคตั้งแต่ต้นปี ไม่ต้องรอถึงหน้าฝนซึ่งเป็นช่วงระบาด เนื่องจากโรคนี้พบได้ตลอดปีทั้งฤดูฝน ฤดูหนาว และฤดูร้อน ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. กล่าวว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาไข้เลือดออกมักจะพบในผู้ป่วยกลุ่มเด็ก แต่ปัจจุบันสามารถเกิดได้กับประชาชนทุกเพศทุกวัย และมีแนวโน้มพบในผู้ใหญ่มากขึ้น  อย่างไรก็ตาม ข้อมูลในปี 2555 พบ ผู้ป่วยกลุ่มใหญ่ มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ป่วยประมาณร้อยละ 52.44 ของผู้ป่วยทั้งหมด  เนื่องจากประชาชนมักเข้าใจผิดว่าอาการของไข้เลือดออกในผู้ใหญ่จะไม่รุนแรง จึงชะล่าใจไม่ไปพบแพทย์ โดยซื้อยากินเอง ทำให้ได้รับการรักษาล่าช้าไม่ทันการณ์ ในที่สุดบางรายถึงเสียชีวิต   ทั้งนี้ อาการป่วยไข้เลือดออกในผู้ใหญ่ที่แพทย์พบส่วนใหญ่จะไม่แตกต่างจากเด็กมากนัก แต่ในผู้ใหญ่มักจะไม่มีจุดเลือดออกสีแดงใต้ผิวหนัง และที่น่าห่วงคือหากเกิดไข้เลือดออกในผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบหืด หรือผู้สูงอายุ จะทำให้การรักษายุ่งยากมากขึ้น เนื่องจากจะต้องดูทั้งผลที่เกิดจากโรคไข้เลือดออกและโรคประจำตัวด้วย จะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนพ.สมยศ ศรีจารนัย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า สำหรับจังหวัดสระแก้ว สาเหตุของโรคไข้เลือดออก ผู้ป่วยส่วนใหญ่เกิดมาจากยุงลายบ้านกัด รองลงมาคือยุงลายสวน อาการผู้ป่วยไข้เลือดออกทุกรายจะมีไข้สูงอย่างเฉียบพลันติดต่อกันตั้งแต่ 2-7 วันขึ้นไป หน้ามักจะแดง อ่อนเพลีย มีเลือดออกตามผิวหนัง หรือเลือดกำเดาไหล จะไม่มีอาการไอหรือมีน้ำมูก  หากไม่ได้เป็นโรคไข้หวัดไปพร้อมกัน ต้องรีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาโรคไข้เลือดออก โดยเฉพาะเกล็ดเลือดและความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดง เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มียารักษาโดยเฉพาะ แพทย์จะรักษาแบบประคับประคองตามอาการ สำหรับการป้องกันตนเองจากการถูกยุงลายกัด ขอให้ประชาชนนอนในมุ้งทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะยุงลายชอบกัดคนในเวลากลางวันมากกว่ากลางคืน สวมใส่เสื้อแขนยาวใส่กางเกงขายาว และควรใช้เสื้อผ้าสีอ่อนๆ ตัวเสื้อและกางเกงจะต้องไม่รัดรูป เพื่อไม่ให้ยุงกัดง่ายขึ้น.

คนโกรธโมโหง่ายกลับจะตายยาก อายุยืนมากกว่าคนเก็บกดตั้ง 2 ปี

คนโกรธโมโหง่ายกลับจะตายยาก อายุยืนมากกว่าคนเก็บกดตั้ง 2 ปี
เพิ่งมีการศึกษาพบว่าชาวอิตาลีและสเปน ซึ่งเป็นคนอารมณ์ร้อน กลับมีท่าทางว่าจะมีอายุยืนกว่า สุภาพบุรุษผู้ดีเมืองน้ำชา ซึ่งชอบเม้มปากนิ่งเงียบ ได้เกือบตั้ง 2 ปีนักวิจัยมหาวิทยาลัยเยนาของเยอรมนีผู้ศึกษา กล่าวว่า เพราะการเป็นคนโกรธง่ายและต้องระบายอารมณ์ออกมา กลับเป็นเรื่องดีแก่สุขภาพจิต การศึกษาจากคนไข้กว่าครึ่งพันคนยังทำให้รู้ด้วยว่า การเก็บงำความวิตกกังวลไว้ในใจนั้น จะทำให้ชีพจรเต้นเร็วขึ้น ซึ่งหากทำนานๆเข้าจะทำให้ความดันโลหิตสูง และเสี่ยงที่จะเป็นโรคภัยหลายอย่างตั้งแต่โรคหลอดเลือดหัวใจ มะเร็ง และไตพิการนักวิทยาศาสตร์ยังได้ระบุถึงผู้ที่ชอบเก็บกดความรู้สึกว่า จะเสี่ยงกับโรคภัยเป็นพิเศษ พวกเขาจะผิดกับคนอื่น ตรงที่จะพยายามไม่แสดงอาการอะไรออกมาให้คนอื่นเห็น.

กรมศิลป์เสนอขึ้นบัญชีโบราณสถาน 6,000 แห่งทั่วประเทศ

กรมศิลป์เสนอขึ้นบัญชีโบราณสถาน 6,000 แห่งทั่วประเทศ
อธิบดีกรมศิลปากร เตรียมเสนอให้ขึ้นบัญชีรายชื่อโบราณสถาน 6,000 แห่งทั่วประเทศ หลังหลายแห่งถูกทำลายเสียหาย  หวั่นมีปัญหาเหมือนอาคารศาลฎีกา...เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 56 นายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ในปี 2556 ในส่วนงานของกรมศิลปากรที่ต้องเร่งทำอย่างเร่งด่วน มีดังนี้ 1. การซ่อมบูรณะโบราณสถานจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ทั้งหมด 307 แห่ง บูรณะเสร็จแล้ว 176 แห่ง ยังเหลืออีก 131 แห่ง อยู่ระหว่างการดำเนินงาน และบางแห่งอยู่ระหว่างบูรณะพบหลักฐานโบราณวัตถุใหม่ๆ อีก จึงต้องปรับสัญญาการบูรณะใหม่ แต่คาดว่าไม่เกินเดือนมีนาคมนี้จะแล้วเสร็จทั้งหมด 2.เร่งขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ขณะนี้มีโบราณสถานทั่วประเทศประมาณ 8,000 แห่ง ขึ้นทะเบียนคุ้มครองได้ 2,000 แห่ง เหลืออีก 6,000 แห่ง อยู่ระหว่างดำเนินการ เพราะสามารถประกาศขึ้นทะเบียนได้เพียงปีละ 100-150 แห่งเท่านั้น ทำให้โบราณสถานหลายแห่งถูกทำลาย เบื้องต้นตนจะเสนอให้มีการขึ้นบัญชีรายชื่อเป็นโบราณสถานไว้ก่อน โดยให้ถือว่าเป็นโบราณสถานแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการขึ้นทะเบียนประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงคุณค่า หากจะมีการบูรณะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงต้องแจ้งต่อกรมศิลปากร เพื่อไม่ให้มีปัญหาเหมือนกรณีอาคารศาลฎีกาอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อไปว่า 3.พัฒนาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติให้มีชีวิตตามนโยบายของนายสนธยา คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ตนได้สั่งการให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เร่งปรับปรุงนิทรรศการส่วนหน้าให้น่าสนใจ รวมถึงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จ.น่าน ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมชมบ่อยครั้ง 4. เมื่อ พ.ร.บ.จดหมายเหตุแห่งชาติ พ.ศ....ผ่านการพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว กรมศิลปากรจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานราชการรับทราบภาระกิจตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว 5.จัดทำคู่มือองค์ความรู้ มอบหมายให้ทุกสำนักจัดทำหนังสือคู่มือมาตรฐานงานทุกด้านที่รับผิดชอบไม่ว่า จะเป็นงานช่าง การบูรณะ โบราณคดี ดนตรี เหมือนเป็นองค์ความรู้เผยแพร่ให้มากที่สุด 6.จัดทำแผนงานช่าง งานศิลปะต่างๆไปสู่สินค้าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ต่อยอดเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมมากยิ่งขึ้น 7.เปิดพื้นที่การแสดงดนตรี นาฎศิลป์ให้ประชาชน เด็กเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วม 8.โครงการอนุรักษ์และพัฒนาพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ระยะที่ 2 โดยปี 2556 กรมศิลปากรได้รับงบทั้งหมด 1,713 ล้านบาท

โพลชี้คนกรุงเลือกผู้ว่าฯ จากตัวบุคคลมากกว่านโยบาย

โพลชี้คนกรุงเลือกผู้ว่าฯ จากตัวบุคคลมากกว่านโยบาย
สวนดุสิตโพลสำรวจพบ คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่สนใจข่าวการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ลั่นจะเลือกผู้ว่าฯที่ตัวผู้สมัคร เน้นผู้สมัครสังกัดพรรคการเมือง ขณะที่มองว่าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย ได้เปรียบเสียเปรียบพอๆ กัน...เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 56 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯที่มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. กรณี พฤติกรรมการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ของคนกรุงเทพฯ จำนวน 1,221 คน ระหว่างวันที่ 28 ธ.ค. 55 – 4 ม.ค. 56 เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมทางการเมือง และแสวงหาฐานข้อมูลด้านความคิดเห็นของประชาชน พบว่าคนกรุงเทพฯ สนใจข่าว การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เพราะส่วนใหญ่หรือร้อยละ 43 เห็นว่าเป็นตำแหน่งที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาดูแล กทม. เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนกรุงเทพฯ ขณะที่ร้อยละ 26.54 มองว่าเป็นการแย่งชิงตำแหน่งเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่อยากตั้งความหวัง และกลัวจะผิดหวัง ทั้งนี้ เมื่อถามว่า คนกรุงเทพฯ ใช้เกณฑ์อะไรในการตัดสินใจ เลือกผู้ว่าฯกทม. พบว่า อันดับ 1 หรือร้อยละ 41.35 ดูที่ตัวผู้สมัคร อันดับ 2 ร้อยละ 30.45 ดูที่พรรคการเมืองและตัวผู้สมัคร ส่วนอันดับสุดท้ายที่ใช้ตัดสิน คือ นโยบายและผลงานถามคนกรุงเทพฯอีกว่า ระหว่าง ผู้สมัครสังกัดพรรคการเมือง กับ ผู้สมัครอิสระ โดยอันดับ 1 หรือร้อยละ 59.65 เลือกผู้สมัครสังกัดพรรคการเมือง เพราะเลือกจากพรรคการเมืองที่ชอบ พรรคให้การสนับสนุนและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาด้านต่างๆ ขณะที่อันดับ 2 เลือกผู้สมัครอิสระ เพราะมีการทำงานเป็นอิสระ การทำงานคล่องตัว ไม่ต้องเกรงใจหรือขึ้นตรงกับใคร เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ฯลฯ ส่วนอันดับ 3 บอกไม่แน่ใจและระหว่าง ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ กับ ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย คนกรุงเทพฯคิดว่าใครได้เปรียบมากกว่ากัน โดยอันดับ 1 บอกไม่ได้เปรียบเสียเปรียบพอๆ กัน เพราะขึ้นอยู่กับตัวผู้สมัคร นโยบายการทำงาน ความรู้ความสามารถ และการตัดสินใจของคน กทม. ฯลฯ ขณะที่อันดับ 2 บอกว่าผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบมากกว่า เพราะเป็นพรรคที่มีฐานเสียงดีอยู่แล้ว คนกทม.ส่วนใหญ่ยังคงให้ความนิยมและเลือกผู้สมัครที่มาจากพรรคนี้ ฯลฯ ส่วนอันดับ 3 มองว่า ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยได้เปรียบมากกว่า เพราะเป็นพรรครัฐบาล การทำงานต่างๆ น่าจะได้รับการช่วยเหลือหรือได้รับการสนับสนุนที่ง่ายขึ้น ฯลฯ

ดำรงค์แฉผู้บริหารบางคนมีเมียถึง 7 คน ชี้ป่าไม้เจ้าชู้เพราะอยู่ป่าแล้วเหงา

ดำรงค์แฉผู้บริหารบางคนมีเมียถึง 7 คน ชี้ป่าไม้เจ้าชู้เพราะอยู่ป่าแล้วเหงา
ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ ชี้ข้าราชการมีหลายบ้าน มีความผิดวินัยโทษถึงไล่ออก แย้มเรื่องมีเมียน้อย อดีตผู้บริหารระดับสูงกรมป่าไม้-อุทยานฯ รู้ดีที่สุด ด้านอธิบดีกรมอุทยานขู่ซ้ำ หน.อุทยานฯ ให้เมียยุ่งงานโดนย้ายแน่ ขณะที่ ดำรงค์ แฉผู้บริหารบางคนมีภรรยา 7 คน ชี้เหตุป่าไม้เจ้าชู้เพราะอยู่ในป่าแล้วเหงา...กรณีนายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกมาเปิดเผยว่า บรรดาผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) ชอบมีภรรยาน้อย บางรายมีมากถึง 3 - 4 คน จนต้องมีการโยกย้ายคนที่มีปัญหาดังกล่าวให้กลับไปอยู่กับครอบครัว เพื่อไม่ให้เกิดครอบครัวตามมานั้น เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 56 นายโชติ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีภรรยาของ ผอ.ทสจ.มาร้องเรียนพอสมควร เพราะสามีไม่กลับบ้าน ไม่ดูแลครอบครัว อ้างว่าอยู่ต่างจังหวัดต้องทำงาน ทั้งที่ข้อเท็จจริงในพื้นที่จะมีงานอย่างที่อ้างกับภรรยาหรือไม่ ตนไม่รู้ เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัว แต่อย่างไรก็ตาม การมีภรรยาหลายคนหรือมีภรรยาน้อยของข้าราชการระดับสูง ถือว่ามีความผิดทางวินัย และมีการลงโทษหนักถึงขั้นให้ออกจากราชการ แต่ก็ไม่มีใครเกรงกลัว ทั้งๆ ที่ตนได้กล่าวเตือนบรรดาข้าราชการในกระทรวงตลอดเวลาปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ กล่าวต่อว่า ที่สำคัญตนเคยให้ภรรยาของบรรดา ผอ.ทสจ.หรือข้าราชการรายอื่นๆ ที่มาร้องเรียนให้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการ พร้อมหลักฐานที่ไประบุว่าสามีไปมีภรรยาน้อย หรือมีบ้านหลายหลังมาถึงตน ตนจะได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อลงโทษทางวินัยให้หลาบจำ แต่ปรากฏว่าไม่มีภรรยารายใดที่มาร้องเรียน ทำหนังสือและนำหลักฐานมาให้ ก็เลยลงโทษไม่ได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าน่าเห็นใจ เพราะภรรยาก็ไม่ต้องการให้สามีโดนลงโทษทางวินัย กลัวสามีถูกไล่ออก ผู้สื่อข่าวถามว่าเคยเรียกบรรดาข้าราชการที่มีพฤติกรรมดังกล่าวมาตักเตือนหรือไม่ นายโชติ กล่าวว่า เคยเตือนในที่ประชุมวงกว้าง เพราะตนไม่มีอะไร ไม่กลัว เพราะมีบ้านเดียว เป็นแฟมิลี่แมน แต่ไม่เคยเรียกมาเป็นการส่วนตัว เพราะเรื่องการมีภรรยาหลายคนถือเป็นเรื่องส่วนตัว และเป็นการสมยอมกันระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง เรื่องการมีภรรยาหลายคนหรือมีหลายบ้าน ต้องไปถามพวกป่าไม้รู้ดีที่สุด โดยเฉพาะอดีตผู้บริหารระดับสูง ทั้งของกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติฯนายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า เรื่องปัญหาเมียหลวงเมียน้อย เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ในระดับหัวหน้าอุทยานฯ ส่วนใหญ่ไม่มีเรื่องนี้ เมื่อถามว่านายโชติระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงในกรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ รู้เรื่องนี้ดีที่สุด นายมโนพัศ หัวเราะก่อนกล่าวว่า คิดว่าหัวหน้าอุทยานฯ ส่วนใหญ่ไม่มีเมียน้อย แต่บางส่วนความเป็นหัวหน้าอุทยานฯ ทำให้มีคนมาชอบเยอะ ซึ่งเป็นเรื่องของเขา แต่ต้องไม่ให้เมียเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหารจัดการภายในอุทยานฯ ทั้งเมียหลวงและเมียน้อย เพราะเมียจะกลายเป็นหัวหน้าอุทยานฯ เสียเอง และมีผลต่อการบริหารจัดการในหน่วยงาน ถ้ามีปัญหานี้เกิดขึ้นและมีการร้องเรียนเข้ามา ตนยืนยันว่าจะต้องมีการปรับย้ายแน่นอน ด้านนายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า สมัยตน มีปัญหาเรื่องเมียน้อยเมียหลวงในระดับหัวหน้าอุทยานฯ มาตบตีกันในหน่วย เพราะว่าสามีไม่ยอมกลับบ้านนานผิดปกติ จนภรรยาหลวงสงสัย จึงตามมาดูที่หน่วย พบว่าสามีของตนอยู่กับภรรยาน้อย จึงมีการตบตีกันในหน่วย จนแขกในอุทยานฯ โทร.มาร้องเรียน ตนจึงมีคำสั่งห้ามว่า ห้ามเอาทั้งเมียหลวงและเมียน้อยเข้าไปอยู่ในอุทยานฯ ให้ไปเช่าบ้านอยู่นอกหน่วย ก็ยังอุตส่าห์มีคนมาต่อรองว่า หากขับรถเครื่องเข้าไปหาตอนกลางวันได้หรือไม่ ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้ส่วนใหญ่เจ้าชู้จริงหรือไม่ นายดำรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีอยู่ทุกวงการ อยู่ที่นิสัยของคนแต่จะเกิดเรื่องทำนองนี้หรือไม่ อยู่ที่การจัดการ ใครมีศิลปะแยบยลก็ควบคุมได้ ใครไม่มีก็ไม่มีเรื่อง เป็นเรื่องปกติที่ไม่มีใครเปิดเผยกัน บางคนเป็นระดับผู้บริหารกรมฯ มีภรรยาถึง 7 คน ตื่นขึ้นมาไม่รู้ตัวว่าอยู่บ้านไหน ส่วนที่มีการพูดกันว่าป่าไม้เจ้าชู้ อาจจะเป็นเพราะถูกบรรจุอยู่ในที่ห่างไกล ในป่าเขา อาจจะดื่มสุราแล้วเกิดอาการเปล่าเปลี่ยว ว้าเหว่ เลยปล่อยเลยตามเลย หลายคู่ก็แต่งงานกันไปขณะอยู่ในป่า หรือหลายคู่ก็ไปมีภรรยาอีกคน ขณะอยู่ในป่าเหมือนกัน พอออกมาจากป่าก็เจอแสงสี เจอสาวที่งามกว่าก็มามีใหม่ แต่การที่มาร้องเรียนในกระทรวงก็ถือเป็นเรื่องรุนแรง อย่างไรก็ตาม เรื่องแบบนี้ยืนยันว่า อยู่ที่ตัวบุคคลไม่ได้เป็นกันทุกคน นายดำรงค์ กล่าว.

โพลชี้ยอดตาย 7วันอันตราย เพิ่ม เหตุผู้ขับขี่ประมาท

โพลชี้ยอดตาย 7วันอันตราย เพิ่ม เหตุผู้ขับขี่ประมาท
สวนดุสิตโพล สำรวจเรื่อง 7 วันอันตรายช่วงปีใหม่ พบประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่มาจากตัวผู้ขับขี่ประมาท โดยสาเหตุมาจากการเมาแล้วขับ และหลับใน ขณะที่วิธีการแก้ปัญหา คนส่วนใหญ่แนะให้ตัวผู้ขับขี่ตระหนัก คิดถึงคนอื่น และเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น...เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 56 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 1,285 คน ระหว่างวันที่ 3-5 มกราคม 2556 เรื่อง มาตรการลดอุบัติเหตุในช่วง 7 วันอันตราย หลังรายงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่า มีการเกิดอุบัติเหตุ 3,176 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 365 ราย ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมา และบาดเจ็บ 3,329 ราย เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการแก้ปัญหา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 44.83 เห็นว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่มาจากตัวผู้ขับขี่เองที่ประมาท ไม่เคารพกฎจราจร และเมาแล้วขับ อันดับ 2 คิดว่า เป็นเรื่องปกติในช่วงปีใหม่ที่มีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวันมักมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเป็นประจำ ทั้งที่มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เรื่องการขับขี่อย่างปลอดภัยอยู่แล้วก็ตามส่วน สาเหตุ ที่ทำให้การเกิดอุบัติเหตุในช่วงปีใหม่ ไม่ลดลง คือ อันดับ 1 คือ ขับรถขณะเมาสุรา เมาแล้วขับ และหลับใน อันดับ 2 บอกขับรถเร็วและประมาท และอันดับ 3 คือ ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่สวมหมวกกันน็อก และไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เมื่อถามถึงความพึงพอใจของประชาชนในภาพรวม ต่อหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการดูแล ให้บริการและอำนวยความสะดวกต่างๆ แก่ประชาชนในช่วงปีใหม่ พบว่า อันดับ 1 หรือร้อยละ 64.78 พึงพอใจ เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนมีความเสียสละ ทำงานหนัก คอยให้บริการและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนตลอดช่วงวันหยุดปีใหม่ ฯลฯ สำหรับ วิธีป้องกันและแก้ไข การเกิดอุบัติเหตุในช่วงปีใหม่ที่เป็นรูปธรรมหรือได้ผลมากที่สุดอันดับ 1 หรือร้อยละ 34.75 คือ ตัวผู้ขับขี่เองจะต้องตระหนัก คิดถึงคนอื่น และเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ให้มากขึ้น อันดับ 2 บอกให้ติดตั้งป้ายจราจร ป้ายเตือนต่างๆ ให้ชัดเจน ไฟสัญญาณจราจรใช้งานได้ และไฟฟ้าตามทางต้องสว่าง 

Blog Archive