Friday, May 14, 2010

พอแล้วรวย ปฏิรูปรอบด้าน

พอแล้วรวย ปฏิรูปรอบด้าน





คมชัดลึก :ทันทีที่นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เสนอแผนปรองดอง 5 ข้อ เสียงตอบรับก็ดังมาจากทุกสารทิศของสังคมรวมทั้งฝ่าย นปช. ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีของสังคมไทย อาจารย์ยักษ์ต้องขอชม นายกฯ ในการตัดสินใจคราวนี้แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายกฯ ไม่มีทางเลือก ในภาวการณ์ที่สังคมกำลังตีบตัน ผู้คนแตกแยก เกลียดชังกันและพร้อมจะเข้าห้ำหั่นกัน การตัดสินใจอย่างมี สติ มองปัญหาทะลุ และอยู่บนผลประโยชน์ของชาติ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด







   การยอมถอยเพื่อให้ “สังคมได้” อย่างที่ท่านนายกฯ ทำ แม้จะไม่ถูกใจใครอีกหลายคน แต่ผลที่ได้คือ “ได้ประเทศไทยกลับคืนมา” เพื่อให้คนทั้งประเทศกลับมาตั้งสติร่วมกันอีกครั้งว่า เหตุที่เราทะเลาะกันนั้นเพราะอะไร ถ้าดูอารมณ์ของสังคมไทย ณ ตอนนี้ เราเดินมาถึงจุดที่เรียกว่าทุกฝ่ายเห็นสอดคล้องต้องกันว่า เราต้องการการ “ปฏิรูปประเทศ” ครั้งใหญ่ ซึ่งไม่ใช่แค่การปฏิรูปการเมือง แต่เป็นการปฏิรูปรอบด้าน ปฏิรูปทั้งระบบ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม การศึกษา สื่อ กฎหมาย กลไกภาครัฐ รวมทั้งกลไกภาคประชาชน
 สิ่งสำคัญที่อาจารย์ยักษ์อยากเสนอแนะในที่นี่ก็คือ การวางยุทธศาสตร์ในการปฏิรูปครั้งใหญ่ครั้งนี้ ต้องมีผลสะเทือนในการแก้ปัญหาไปที่ “ราก” ไม่ใช่แก้ปัญหาบนยอดภูเขาน้ำแข็งอย่างที่ผ่านมา การวางยุทธศาสตร์เหมือนกับการติดกระดุม ติดเม็ดแรกผิด เม็ดต่อๆ ไปก็ผิดด้วย รัฐบาลจึงต้องฉลาด และมีวิสัยทัศน์ที่จะต้องหากระดุมเม็ดแรกให้เจอ
 เอาง่ายๆ หากกระดุมเม็ดแรกของสังคมไทย คือ “ทุนนิยม” ในแง่เศรษฐกิจ รัฐบาลก็ต้องเปิดประเทศเต็มที่ เปิดรับการค้าเสรีของโลก เชิญชวนให้ทุกคนมาลงทุน มีทรัพยากรอะไรที่จะค้าขายได้ก็เอาออกมาค้าขายให้หมด รัฐวิสาหกิจก็แปลงให้เป็นเอกชนให้หมด ตลาดหุ้นก็ต้องยอมรับว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าไปในวังวนของการ “ปั่น” หรือการโจมตี ยอมรับในกติกา มือใครยาวสาวได้สาวเอา ใครฉลาดคนนั้นคือผู้ชนะ คนเงินน้อย คนโง่ ไม่มีสิทธิ์ลงแข่งในเกมนี้
  ในแง่การเมือง ก็ต้องยอมรับว่าพรรคการเมืองยังจำเป็นต้องสยบ หรือซูเอี๋ยกับนักธุรกิจเพราะทุกอย่างก็ต้องใช้เงิน ใช้ทุนทั้งนั้น การศึกษาก็ต้องสอนให้เป็นคนเก่งเพื่อหาเงินให้ได้มากที่สุด ต้องเก่งกว่าคนอื่น สอนให้คน “รู้” อย่างเดียวพอ “สื่อ” ก็ต้องใช้เงิน ใครมีเงินมาโฆษณา ก็ต้องเอียงข้างนั้น ไม่ดีก็ต้องว่าเขาดี ทั้งสังคมก็ต้องหา “เงิน” แล้วเอาเงินมาแลกทุกอย่าง เราก็ต้องตัดป่า ถางป่ามาตั้งโรงงานทำอาหารกระป๋อง รถ วิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ ฯลฯ ข้าวของเครื่องใช้จิปาถะ รวมทั้งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เช่น สนามกอล์ฟ รีสอร์ท เพื่อแสดงฐานะว่าเรามี “เงิน”
 แต่ถ้ากระดุมเม็ดแรกของประเทศไทยคือ “ความพอเพียง” ความพอดี ของตัวเอง ความเป็นอยู่ และการพัฒนาของเศรษฐกิจ การเมือง สังคม การศึกษา สื่อ และทุกองค์ประกอบของสังคมก็ต้องเป็นไปเพื่อให้ “พอดีตัว” ไม่ใช่ต้อง “เกินตัว” เอาอย่างคนอื่น เหมือนตัดเสื้อผ้า เราตัวเล็ก เสื้อผ้ารองเท้า เราก็ต้องเล็กกว่าคนอื่น จะไปใส่เสื้อผ้ารองเท้าใหญ่เหมือนคนอเมริกันก็ไม่เหมาะ
 ที่ผ่านมาประเทศไทยประกาศปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้เป็น “หัวใจ” ของการพัฒนาประเทศซึ่งระบุไว้ในแผนพัฒนาฯ ฉบับปัจจุบัน แต่ในทางปฏิบัติ เราก็เร่งสร้างโรงงาน เร่งผลิต เร่งขาย เดินทางไปชักชวนทุกคนให้มาลงทุนในบ้านเรา เอาทรัพยากรไปแลกเป็นเงินจนแทบไม่เหลืออะไร เหมือนกับว่าเราใส่เสื้อพอเพียง แต่จิตใจลึกๆ โหยหาอยากได้เงินเยอะๆ อยากมีบ้านใหญ่โต อยากมีรถเบนซ์ขับ ก็ทำให้ความคิดสับสน ขัดแย้งกันตลอดเวลา ประเทศไทยขณะนี้ประหนึ่งคนที่กำลังสับสน ขัดแย้งในตัวเอง จึงลงเอยด้วยความทุกข์ ทะเลาะเบาะแว้ง
 ถ้ารัฐบาลฉลาด ก็คงต้องเรียนรู้บทเรียนของ “วิกฤติต้มยำกุ้ง” “วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์” และล่าสุด “วิกฤติกรีซ” ที่กำลังทำให้ประเทศในกลุ่มอียูปั่นป่วน รวมทั้งรู้ว่าวิกฤติเศรษฐกิจเหล่านี้สัมพันธ์เชื่อมโยงอย่างไรกับวิกฤติธรรมชาติที่กำลังตีกลองรัวถี่ยิบ แล้วรัฐบาลก็คงต้องเลือกเอาเองว่า ยุทธศาสตร์การปฏิรูปประเทศรอบนี้ รัฐบาลจะเลือกใช้กระดุมเม็ดแรกตตรงไหนที่จะนำพาให้ประเทศไทยออกจาก ปากเหว เชื่อว่านายกฯ อภิสิทธิ์ ท่านฉลาดพอ
"อาจารย์ยักษ์  มหาลัยคอกหมู"










NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive