Thursday, May 20, 2010

หัวใจไทย เอาอะไรกับการเมือง

หัวใจไทย เอาอะไรกับการเมือง



คมชัดลึก :ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ท่านผู้อ่านคงสังเกตเห็นว่าการเมืองบ้านเรานั้นดูจะไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลย มิหนำซ้ำยิ่งดูก็ยิ่งเห็นความถดถอยทางการเมืองที่นับวันจะมีมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ






เคยได้ยินได้ฟังตลกร้ายเกี่ยวกับนักการเมืองในบ้านเรา โดยในเรื่องกล่าวเกริ่นว่า เมื่อครั้งพระเจ้าสร้างโลก พระองค์ได้ทรงสร้างสมดุลทางสิ่งแวดล้อมให้แก่ดินแดนต่างๆ คือมีทั้งดีและร้ายระคนกันไป แต่ระหว่างที่พระเจ้าสะพายถุงวิเศษข้ามเขาหิมาลัยเพื่อจะข้ามมายังบ้านเรา ปรากฏว่ายอดเขาที่สูงชันของหิมาลัยได้เกี่ยวถุงสิ่งเลวร้ายของพระเจ้าขาด ทำให้สิ่งเลวร้ายตกอยู่ในประเทศแถบนั้นเป็นอันมาก ดังนั้นเมื่อพระเจ้ามาถึงบ้านเราจึงมีแต่สิ่งดีๆ มอบให้ เพราะสิ่งเลวร้ายไปหล่นอยู่ในดินแดนอื่นหมดแล้ว
ปรากฏว่าเทวดาเจ้าที่ในแหล่งอื่นต่างก็มาฟ้องร้องว่า พระเจ้าไม่ยุติธรรม ที่ทำให้ประเทศไทยดีกว่าดินแดนอื่น ในตอนแรกพระเจ้าก็ไม่รู้ว่าจะหาทางออกได้อย่างไร ที่จะป้องกันประเทศอันสมบูรณ์ที่สุดในโลกนี้ไม่ให้เจริญล้ำไปกว่าที่อื่น แต่ในที่สุดพระเจ้าก็พบทางออก โดยท้ายเรื่องสรุปสั้นๆ เพียงว่า พระองค์ก็เลยสร้าง "นักการเมืองไทย" ขึ้นมา โดยให้มีอัตลักษณ์ที่สำคัญคือ “ใช้ของดีไม่เป็นและไม่เห็นทางเจริญ”
เมื่อแรกที่ได้อ่านเรื่องตลกร้ายดังกล่าวจบ เราก็เลือดขึ้นหน้า เพราะรู้สึกว่าถูกเหยียดหยามในความเป็นไทยอย่างแรง แต่เมื่อดับอารมณ์นั้นลงได้ แล้วหันกลับมามองสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเราอย่างเปิดใจเป็นกลาง กลับต้องคิดใหม่ว่าทำไมเขาถึงว่าเราเป็นเช่นนั้น
ถ้าจำไม่ผิด เกี่ยวกับคำจำกัดความของคำว่า “นักการเมือง” เขาจะอธิบายว่า คือ ผู้ที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติ เพื่อให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้า และทำให้ประชาชนทุกชนชั้นอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
แต่เท่าที่ได้ประสบพบเห็น นักการเมืองบ้านเรากลับมีลักษณะที่คงหาได้ยากในบ้านเมืองที่เจริญแล้ว โดยเฉพาะความคำนึงเรื่องชาตินั้น ดูจะเน้นความเป็น “ชาตินี้” มากกว่าความเป็น “ประเทศชาติ” โดยสิ้นเชิง ขนาดประเทศชาติถึงสภาวะวิกฤติขนาดนี้ ยังมีหน้ามาพูดถึงแต่ “ความอยู่รอดของพรรค” ที่เป็นแหล่งประกอบธุรกิจทางการเมืองของตัวเองกันแทบทั้งนั้น
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในทางการเมืองในขณะนี้ก็คือ “ภาษาของนักการเมือง” ทั้งที่พูดอยู่ในสภาและนอกสภา ที่เราคงต้องยอมรับความจริงว่า บัดนี้ “หาความจริง” ที่เคยเป็นความหมายแท้ๆ ของคำที่นักการเมืองชอบหยิบยกมาอ้างให้ผู้ที่รับฟังรู้สึกว่า “ดูดี” ไม่ได้เอาเสียเลย
เราลองกลับไปดูบรรดาโครงการหรือแนวนโยบายทางการเมืองที่มีคำว่า “พัฒนา” ดูก็แล้วกัน เราจะเห็นได้ว่าคำว่า “พัฒนา” นั้น จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เจริญขึ้น แต่พอดำเนินการเข้าจริง ปรากฏว่านอกจากไม่เจริญขึ้นแล้ว ยังทำให้วิถีชีวิตของคนไทยย่ำแย่ลงไปกว่าเดิมแทบทั้งนั้นนอกจากนั้น เราจะเห็นคำอื่นๆ อีกไม่น้อย ที่วันนี้ไม่ได้มีความหมายในเชิงปฏิบัติแต่ประการใดเลย นอกจะดูเป็นเพียงสำนวนโวหารที่คิดขึ้นมาใช้ให้ดูโก้เก๋เท่านั้น อาทิ “เข้มแข็ง” ที่ผลกลับกลายเป็นจุดอ่อน “สันติวิธี” ที่มีแต่การใช้กำลัง “อหิงสา” ที่ทำร้ายกันไม่รู้จักหยุดหย่อน “มือเปล่า“ ที่มีทั้งระเบิด ปืน มีด ไม้ รวมทั้งก้อนอิฐ หรือ “อย่างสงบ” ที่ดูเท่าไรก็ไม่เคยหยุดนิ่งหรือควบคุมได้อยู่ในขอบเขตเลย หรือหัวใจไทยในวันนี้..ไม่มีความจริงให้กันเสียแล้ว
นายรัฐศาสตร์
ohohlek@hotmail.com








ข่าวที่เกี่ยวข้องมองผ่านเลนส์คม-ปรากฏการณ์ "พงษ์พัฒน์" เกมชิงไหวชิงพริบ 'ม็อบ-การเมือง'เปิดโลกการศึกษามุสลิม-ตอน จุฬาราชมนตรี คนที่ 18 ของไทย นาทีต่อนาที:ทหารลุย-นปช.สลาย-ป่วนทั่วกรุงแดงเผาเมืองธปท.สั่งปิดแบงก์ตลาดหุ้นรถไฟฟ้าหยุด

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive