Thursday, April 29, 2010

รวมกลุ่มผลิต หมอนฟักทอง งานยามว่าง ชาวบ้านคอกวัว

รวมกลุ่มผลิต หมอนฟักทอง
งานยามว่าง ชาวบ้านคอกวัว





คมชัดลึก :กว่า 7 ปีมาแล้วที่ผลิตภัณฑ์ทำด้วยมือ "หมอนฟักทอง" ของกลุ่มหมอนอิงโบราณบ้านคอกวัว ต.นาหมอบุญ อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช สร้างชื่อเสียงให้แก่ชุมชน จนกลายเป็นที่รู้จักกันกว้างขวาง ทำให้สมาชิกของกลุ่ม 15 คน มีรายได้เสริมจากอาชีพหลักด้านการเกษตรได้เป็นอย่างดี และด้วยความสวยงามของผลิตภัณฑ์ ตลอดจนความประณีตในขั้นตอนการผลิต ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ "หมอนฟักทอง" กลุ่มหมอนอิงโบราณบ้านคอกวัวได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.414/2547) มาเป็นเครื่องการันตีในด้านคุณภาพด้วย







  สุมาลี ชอบทำกิจ ประธานกลุ่มหมอนอิงโบราณ (หมอนฟักทอง) บ้านคอกวัว บอกว่า ปกติชาวบ้านในชุมชนนั้นส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพด้านการเกษตร อาทิ ทำนา ทำสวนยางพารา และสวนผลไม้ ส่วนการทำสวนยางพาราจะกรีดเฉพาะตอนเช้าทำให้ช่วงบ่ายและเย็นมีเวลาว่างพอสมควร จึงคิดว่าน่าจะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และให้เกิดรายได้ จึงรวมกลุ่มชาวบ้านกว่า 100 คน ทำหมอนฟักทอง
 ส่วนสาเหตุที่เลือกทำหมอนฟักทองนั้น สุมาลี ยอมรับว่า แรกเริ่มเดิมทีของจุดเริ่มต้นมาจากไปพบเห็นมา รวมถึงดูจากโทรทัศน์ ที่ใช้ผลิตภัณฑ์หมอนฟักทองสำหรับพิธีมงคล อย่างพิธีแต่งงานที่รองมือรดน้ำสังข์ จึงเกิดความชอบและอยากที่จะเรียนรู้ในกระบวนการผลิตหมอนชนิดนี้ จากนั้นก็ศึกษาเรียนรู้ ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองมานาน เพราะขั้นตอนการทำค่อนข้างยุ่งยาก เป็นงานหัตถกรรมทำด้วยมือ โดยเฉพาะการตัดเย็บเพื่อขึ้นลาย ต้องใช้ความประณีตเพราะเป็นงานละเอียด การเย็บต้องตามลายดอกของผ้าด้วย โดยผ้าที่นำมาทำเป็นหมอนนั้นเป็นผ้าตาดที่หาซื้อได้ตามร้านขายผ้าในท้องตลาดทั่วไป เมื่อมั่นใจในฝีมือแล้ว จึงตั้งกลุ่มหมอนอิงโบราณบ้านคอกวัวขึ้นมาเมื่อปี 2546 มาถึงวันนี้ย่างก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 แล้ว
 "เดิมทีกลุ่มของเรามีคนสนใจกว่า 100 คน แต่ท้ายสุดแล้วคนที่มีความตั้งใจจริง และรักในอาชีพนี้เหลือสมาชิกที่ขยัน อดทน มีฝีมือพียง 15 คนเท่านั้น จากเดิมที่เราทำหมอนอิงโบราณ หรือหมอนฟักทองใช้นุ่นเป็นวัตถุดิบเพราะหาได้ง่ายในท้องถิ่น แต่ปรากฏว่าไม่เป็นที่น่าพอใจของลูกค้ามากนัก เพราะนุ่นไม่ได้ผ่านการอบฆ่าเชื้อรา ทำให้นุ่นเกิดเชื้อราได้ง่าย อีกทั้งมีกลิ่นเหม็นสาบ ระยะหลังมานี้ก็เลยหันมาใช้ใยสังเคราะห์แทน ปรากฏว่าขายดีมาก บางคนซื้อไปใช้ในงานมงคล อาทิ งานแต่งงาน บวชนาค หรือซื้อเป็นของฝาก และซื้อไปขายต่อ เป็นต้น" สุมาลี กล่าว
  สำหรับลายหมอนฟักทองของกลุ่มหมอนอิงโบราณบ้านคอกวัวเน้น 2 ลาย คือ ลายเกล็ดนาคราช และลายกลีบบัว ขณะเดียวกันก็จะมีลายใหม่ๆ คิดค้นขึ้นมาเรื่อยๆ เช่นกัน เนื่องจากเราต้องการพัฒนาสินค้าให้มีรูปแบบของลายที่มากขึ้น เพื่อเพิ่มความหลากหลาย เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าด้วย ปัจจุบันหมอนฟักทองขายส่งราคาคู่ละ 550 บาท หากซื้อ 1 ใบ ราคา 280 บาท ราคาปลีกคู่ละ 600-700 บาท บางแห่งพ่อค้าคนกลางนำไปขายต่อคู่ละเป็นหลักพันบาท สุดแต่ใครจะตั้งราคากันเอง
 "การตลาดของเรา ส่วนหนึ่งเราขายเองที่ทำการกลุ่ม อีกส่วนวางขายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขานครศรีธรรมราช ร้านค้าสินค้าโอท็อบในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ออกงานตามที่หน่วยราชการจัดขึ้น รวมถึงเคยออกงาน 80 พรรษา เทิดไท้องค์ราชัน ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี และมีลูกค้าประจำจากกรุงเทพฯ ที่สั่งเพื่อนำไปขายต่ออีกด้วย นอกจากนี้ก็มีชาวต่างชาติที่ซื้อเป็นของฝากกลับบ้านทั้งที่ประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ซึ่งในแต่ละเดือนเราจะมีรายได้จาการขายผลิตภัณฑ์แตกต่างกันไป บางเดือนขายดี บางเดือนอาจจะเงียบ อย่าง 3 เดือนแรกของปี ยอดขายได้กว่า 2 แสนบาท" ประธานกลุ่มหมอนอิงโบราณบ้านคอกวัว กล่าว
  อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้หากใครสนใจผลิตหมอนฟักทอง ฝีมือของกลุ่มหมอนอิงโบราณบ้านคอกวัว สามารถแวะไปบ้านคอกวัว ต.นาหมอบุญ อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช ได้ หรือสอบถามที่โทร.08-1396-2190
"ธรณิศวร์ พิรุณละออง"










NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive