Wednesday, December 19, 2012

มโนพัศ ส่อเลิกรื้อถอนรีสอร์ทรุกอช. อ้างต้องฟังเสียงคนพื้นที่

มโนพัศ ส่อเลิกรื้อถอนรีสอร์ทรุกอช. อ้างต้องฟังเสียงคนพื้นที่
ส่อเค้าไม่รื้อถอนรีสอร์ทบ้านพักรุกอุทยานฯ ต่อ อธิบดีกรมอุทยานฯ คนใหม่ เผยสถานการณ์เปลี่ยนต้องฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ ระบุไม่มีใครได้ประโยชน์จากการรื้อถอนทุบทิ้ง แย้มอาจมีการเปิดให้เช่าอุทยานฯ...เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีบรรดาข้าราชการกรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ทยอยเดินทางเข้ามอบกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดีกับนายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว รองอธิบดีกรมอุทยานฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มข้าราชการส่วนใหญ่ที่เดินทางมาแสดงความยินดีกับนายมโนพัศ เป็นข้าราชการที่จบจากสายโรงเรียนป่าไม้แพร่นายมโนพัศ ให้สัมภาษณ์ว่า นโยบายที่จะดำเนินการต่อไป คือจะรักษาพื้นที่ป่าที่มีไว้ให้ได้ ด้วยการบล็อกพื้นที่ป่าไม่ให้มีการบุกรุกทำลายใหม่ ส่วนพื้นที่ที่ถูกบุกรุกไปแล้วจะจัดการอย่างไร ซึ่งต้องฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ว่าจะเข้ามาร่วมดูแลพื้นที่อย่างไร โดยพื้นที่บุกรุกใหม่จะใช้กฎหมายบังคับอย่างเด็ดขาด แต่ส่วนที่อยู่มาก่อนแล้ว เป็นเรื่องที่ต้องมาตรวจพิสูจน์สิทธิ์ให้ชัดเจนก่อน ส่วนเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายก็ต้องมีบ้างตามความเหมาะสม แต่จะพยายามดำเนินการให้เกิดความกระทบกระเทือนต่อข้าราชการและเจ้าหน้าที่ให้น้อยที่สุด ผู้สื่อข่าวถามถึงการดำเนินการแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ โดยเฉพาะอุทยานฯ ทับลาน จ.นครราชสีมา และอุทยานฯ สิรินาถ จ.ภูเก็ต จะต้องดำเนินการต่อหรือไม่ นายมโนพัศ กล่าวว่า ต้องทำตามกฎหมาย หากศาลมีคำสั่งให้รื้อถอนก็ต้องดำเนินการตาม และขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก ว่าจะทุบทิ้งหรือทำอย่างอื่นก็ต้องว่ากันต่อไป รวมทั้งจะทำอย่างไรก็ให้เกิดความสมดุลในเรื่องการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเมื่อถามว่าแสดงว่านโยบายในยุคของนายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ที่มีการรื้อถอนรีสอร์ท บ้านพักที่บุกรุกพื้นที่ป่าไม่เหมะสมหรือไม่ นายมโนพัศ กล่าวต่อว่า การดำเนินการในยุคของนายดำรงค์เป็นสิ่งที่ถูกต้องในเวลานั้น ซึ่งต้องขอชื่นชมว่านำร่องไว้ได้ดีมาก แต่จุดเปลี่ยนคือวันนี้ต้องมองถึงประโยชน์ของประเทศชาติ ใครจะเป็นคนได้ประโยชน์จากการทุบรีสอร์ทเนื้อที่ 50–100 ไร่ ได้ป่าคืนมาเปรียบเทียบกับการเอาประโยชน์ทางอื่นว่าอย่างไหนจะเกิดประโยชน์สูงสุด   เมื่อถามถึงแนวทางการให้รีสอร์ท และบ้านพักตาอากาศ ที่บุกรุกพื้นที่อุทยานฯ เช่าพื้นที่เพื่อประกอบการต่อได้นั้น นายมโนพัศ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจน ต้องรอจุดสมดุลหลายอย่าง ซึ่งก็ต้องมองว่าส่วนหนึ่งของการบุกรุก แต่อีกส่วนก็เป็นข้าราชการของเราที่ปล่อยปละละเลย ซึ่งต้องรอดูนโยบายของรัฐบาลว่าจะมีความชัดเจนอย่างไร แต่ก่อนจะถึงขั้นตอนนั้น กรมอุทยานฯ จะต้องเร่งเดินหน้าพิสูจน์สิทธิ์ให้ชัดเจนก่อน เพราะถ้าไม่มีการพิสูจน์สิทธิ์ก็คงไม่มีใครยอมรับผิด ทุกคนก็ต่างอ้างเอกสารที่ตัวเองถือครองอยู่ และคงไม่มีใครยอมมาเช่าที่อุทยานฯ ด้าน นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานฯ ทับลาน กล่าวว่า พร้อมรับนโยบายใหม่ที่ผู้บังคับบัญชาจะสั่งการมา แต่เกรงว่าไม่มีการรื้อถอนรีสอร์ทบ้านพัก ที่บุกรุกอุทยานฯ ตามมาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานฯ ตนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน อาจถูกฟ้องร้องในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แน่นอน ซึ่งกรมอุทยานฯ ก็ต้องเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือในเรื่องกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานหรือทางกรมอุทยานฯ จะต้องมีมาตรการเยียวยาให้กับผู้ประกอบการที่ได้รื้อถอนไปแล้วทั้งหมดจำนวน 27 ราย เป็นเรื่องที่กรมอุทยานฯ ต้องพิจารณา.

No comments:

Post a Comment

Blog Archive