Thursday, December 20, 2012

เพิ่มผู้แสวงบุญสังเวชนียสถานที่อินเดีย-เนปาล รวม 4 รุ่น

เพิ่มผู้แสวงบุญสังเวชนียสถานที่อินเดีย-เนปาล รวม 4 รุ่น
รัฐบาลอนุมัติงบฯ แสวงบุญสังเวชนียสถาน เพิ่มเป็น 4 รุ่น พ่วง 6 โครงการ รวม 60 ล้าน ส่งเสริมให้พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชน เดินทางไปสังเวชนียสถาน นำมาถ่ายทอดองค์ความรู้จากประสบการณ์จริง...เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กล่าวว่า จากการที่ ศน.ได้จัดโครงการส่งเสริมพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนไปประกอบศาสนกิจ ณ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ประเทศอินเดียและเนปาลนั้น ขณะนี้รัฐบาลได้เห็นชอบขยายโครงการดังกล่าวเพิ่มจาก 1 รุ่น เป็น 4 รุ่น เดินทางรุ่นละ 130 คน รวม 520 รูป/คน ซึ่งขณะนี้ ศน.ได้คัดเลือกพระสังฆาธิการ เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด ผู้บริหารศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ นักเรียน นักศึกษา ที่มาร่วมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาต่อเนื่อง วัฒนธรรมจังหวัด ผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนา โดยนับเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลเห็นความสำคัญของการส่งเสริมพระพุทธศาสนา และจะทำให้คนไทยเห็นความสำคัญของการเดินทางไปจาริกบุญสถานที่ ที่เกี่ยวเนื่องกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยนายปรีชา กล่าวต่อว่า โครงการส่งเสริมพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนไปประกอบศาสนกิจ ณ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จำนวน 38 ล้านบาท ไม่เพียงเท่านั้น กองทุนดังกล่าวยังได้สนับสนุนโครงการต่างๆ อีก 6 โครงการ ได้แก่ โครงการสนับสนุนกิจกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา งบประมาณ 7.5 ล้านบาท โครงการส่งเสริมเรียนรู้ศาสนพิธีและเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ 2 ล้านบาท โครงการคลินิกคุณธรรมในสถานศึกษา 7.5 ล้านบาท โครงการพัฒนาสมรรถนะพระธรรมวิทยากรในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเฉลิมพระเกียรติ 3 ล้านบาท โครงการส่งเสริมการดำเนินงานและบริหารกองทุน 1,812,800 บาท และโครงการค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงาน 187,200 บาท รวมงบประมาณที่กองทุนสนับสนุน จำนวน 60 ล้านบาท“เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่รัฐบาลเห็นความสำคัญของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ซึ่งในปีงบประมาณ 2557 กรมการศาสนา ก็จะเสนอโครงการส่งเสริมพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนไปประกอบศาสนกิจ ณ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ประเทศอินเดียและเนปาล จำนวน 4 รุ่นทุกปี เพื่อส่งเสริมให้พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชน ที่ได้เดินทางไปสังเวชนียสถาน ได้มาถ่ายทอดองค์ความรู้จากประสบการณ์จริงให้ผู้อื่นได้อย่างถูกต้องต่อไป” อธิบดีกรมการศาสนา กล่าว.

No comments:

Post a Comment

Blog Archive