Monday, December 31, 2012

๒๕๕๖ ปีมหามงคล พระชันษาครบ ๑๐๐ ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

๒๕๕๖ ปีมหามงคล พระชันษาครบ ๑๐๐ ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ผู้นำคณะสงฆ์สูงสุดแห่งโลกพระพุทธศาสนาพุทธศักราช 2556 ปีที่หน้าประวัติศาสตร์ของวงการคณะสงฆ์ไทยต้องบันทึกถึงความสำคัญอีกครั้งเพราะเป็นปีที่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประมุขแห่งคณะสงฆ์ไทย จะทรงมีพระชันษาครบ 100 ปี หรือ 1 ศตวรรษนับเป็น สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่เจริญพระชันษายิ่งยืนนานกว่าสมเด็จพระสังฆราชในอดีตที่ผ่านมาทั้งยังทรงดำรงตำแหน่งต่างๆทางคณะสงฆ์ยาวนานกว่าพระสงฆ์รูปอื่นๆ คือ ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 23 ปี ตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต 24 ปี ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร 51 ปีย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ.2469 จากสามเณรที่บวชแก้บน ณ วัดเทวสังฆาราม จ.กาญจนบุรี และได้เข้ามาศึกษาพระปริยัติธรรม และบวชเป็นพระสงฆ์ที่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2476 พระองค์ทรงปฏิบัติศาสนกิจอย่างเคร่งครัดและครบถ้วน จนกระทั่งได้รับพระ ราชทานสถาปนาขึ้นดำรงตำแหน่ง สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ลำดับที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2532สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงสร้างประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ไทยไว้อย่างมากมายในด้านการพระศาสนา ช่วงที่พระองค์ยังไม่ได้มีพระอาการประชวร จะทรงประทานพระโอวาทสั่งสอนพระภิกษุสามเณรผู้บวชใหม่อยู่ในฐานะพระอุปัชฌาย์อยู่เสมอ ทั้งยังทรงสอนกรรมฐานแก่พุทธศาสนิกชนเป็นประจำทุกวันพระ และหลังวันพระเป็นประจำ นอกจากนี้ ยังทรงเสด็จไปปฏิบัติศาสนกิจในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และเยี่ยมพระสงฆ์ในพื้นที่ต่างๆอยู่เสมอ เพื่อจะได้ทรงทราบปัญหาของคณะสงฆ์ ทั้งยังทรงสร้างโรงพยาบาลถวายเป็นพระอนุสรณ์เฉลิมพระเกียรติแด่สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทั้ง 18 พระองค์ขึ้นในภูมิภาคต่างๆส่วนด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา พระองค์ทรงเป็นผู้ริเริ่มกิจการในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปยังต่างประเทศ ทรงส่งพระธรรมทูตไปฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในอินโดนีเซีย ทั้งยังเสด็จไปให้การบรรพชาอุปสมบทกุลบุตรในอินโดนีเซีย ทำให้เกิดคณะสงฆ์เถรวาทและวัดทางพระพุทธศาสนาเถรวาทขึ้นในประเทศอินโดนีเซียเป็นครั้งแรกทรงส่งพระธรรมทูตไปยังออสเตรเลียทำให้เกิดวัดเถรวาทคือ วัดพุทธรังษี ขึ้นในทวีปนี้เป็นแห่งแรก ด้านงานพระนิพนธ์ ทรงพระนิพนธ์หนังสือต่างๆ จำนวนมาก และทรงแปลถึง 5 ภาษา คือ ไทย จีน อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศสขณะที่ด้านการศึกษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นผู้ดำริให้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย โดยทรงเป็นอาจารย์รุ่นแรกของมหาวิทยาลัยด้วยคุณูปการที่ทรงสร้างไว้ให้กับพระพุทธศาสนาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้ ที่ประชุมสุดยอดพุทธศาสนิกแห่งโลก ที่มีสุดยอดผู้นำชาวพุทธโลกจาก 32 ประเทศเข้าร่วมประชุม ณ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2555 ได้มีมติทูลถวายตำแหน่งพระเกียรติยศอันสูงสุด “ผู้นำคณะสงฆ์สูงสุดแห่งโลกพระพุทธศาสนา” แด่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แห่งราชอาณาจักรไทยพระอนิลมาน ธมฺมสากิโย ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช บอกว่า ใบประกาศถวายตำแหน่งดังกล่าว ระบุว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ผู้ทรงได้รับการเคารพอย่างสูงสุดและได้รับการไว้วางใจอย่างสุดซึ้งจากพุทธศาสนิกชนชาวไทยที่เต็มเปี่ยมด้วยศรัทธาว่า ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แห่งดินแดนแห่งรอยยิ้ม ทรงเป็นผู้สอนพระ ธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ทุกคนปฏิบัติธรรมตั้งอยู่ในพระปัญญาธรรมและพระกรุณาธรรม ทั้งทรงเป็นผู้นำราชอาณาจักรไทยไปสู่สันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง นับว่าเป็นแบบอย่างของสากลโลก และทรงมีพระบารมีปกแผ่ไพศาลไปทั่วราชอาณาจักรไทยและประเทศพุทธศาสนาทั่วโลก พระศรัทธาที่เปี่ยมพระทัยในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของพระองค์ได้รับการแซ่ซ้องและเทิดทูนจากพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ด้วยความซาบซึ้งในพระกรณียกิจทั้งปวงในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในนามของพุทธศาสนิกชน 370 ล้านคนทั่วโลก พร้อมสุดยอดผู้นำชาวพุทธโลกจาก 32 ประเทศ ขอทูลเกล้าถวายพระเกียรติยศอันสูงสุดนี้ ด้วยความปีติโสมนัสยิ่ง“สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นที่ยอมรับของคณะสงฆ์ทุกนิกาย  พร้อมทั้ง เป็นที่เทิดทูนของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก แม้แต่องค์ดาไล ลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบต ยังนับถือ และเรียกพระองค์ว่า เป็นพี่ชายคนโตของฉัน” พระอนิลมาน  กล่าวถึงสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ทรงได้รับความนับถือจากคณะสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนจากทั่วโลกอย่างแท้จริงและเนื่องในวโรกาสที่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จะทรงมีพระชันษาครบ 100 ปี ในวันที่ 3 ต.ค.2556 นี้ รัฐบาล มหาเถรสมาคม (มส.) สำนังานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร และมูลนิธิหอจดหมายเหตุ พุทธทาส อินทปัญโญจึงจัดกิจกรรมเนื่องในวโรกาสสำคัญดังกล่าวโดยให้เริ่มจัดกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.2555 จนถึงวันที่ 3 ต.ค.2556 โดยแบ่งการจัดกิจกรรมออกเป็นส่วนต่างๆดังนี้วัดบวรนิเวศวิหาร จัดแสดงนิทรรศการ จัดพระราชพิธี และบำเพ็ญพระกุศล รวมทั้งจัดทำเอกสารเผยแพร่พระประวัติ พระศาสนกิจ โดยจะเน้นการจัดกิจกรรม 2 ช่วง คือ วันที่ 21 เม.ย. 2556 ซึ่งเป็นวันที่ตรงกับวันสถาปนาสมเด็จพระญาณสังวร ขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และช่วงวันที่ 3 ต.ค. 2556 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระองค์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดแสดงนิทรรศการในสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกจังหวัด รวมทั้งจัดทำบุญตักบาตรในวันที่ 3 ต.ค. 2556 และจัดปฏิบัติธรรมในวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม และวัดไทยในต่างประเทศมูลนิธิหอจดหมายเหตุ พุทธทาส อินทปัญโญ จัดกิจกรรมวันที่ 21 เม.ย. 2556 โดยจะมีการจัดประมวลงานทางธรรม เพื่อคัดสรรผลงานทางธรรมของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ออกมาเผยแพร่สู่สาธารณะ ภายในงานเทศกาล “ญาณสังวร”ขณะที่ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช จะจัดตั้ง ห้องสมุดพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย โดยจะเป็นห้องสมุดแห่งแรกที่จะรวบรวมมรดกทางธรรมของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ไว้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นลายพระหัตถ์ หนังสือพระนิพนธ์ หนังสือวิชาการส่วนพระองค์ พระสุรเสียงที่พระองค์ทรงเทศน์ในงานต่างๆ รวมไปถึงพระรูปที่หาชมได้ยาก โดยเริ่มดำเนินการรวบรวมข้อมูลต่างๆตั้งแต่เดือนต.ค.2555 คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ย.2556 นอกจากนี้ ยังมีโครงการจัดสร้างโบสถ์ดิน เพื่อเป็นต้นแบบแห่งความพอเพียงให้กับวัดต่างๆ โดยจะสร้างโบสถ์ดินเป็นต้นแบบ 9 แห่ง ใน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศเนื่องในวโรกาสอันเป็นมหามงคลนี้ ทีมข่าวศาสนา ในนามพุทธศาสนิกชนชาวไทยขอน้อมถวายพระพรสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประมุขสงฆ์ที่มีพระชันษายืนยาวที่สุดในประวัติศาสตร์คณะสงฆ์ไทยทีฆายุโก โหตุ มหาสังฆราชา. ทีมข่าวศาสนา

No comments:

Post a Comment

Blog Archive