Friday, June 18, 2010

พอแล้วรวย ฟุตบอลโลก อีกกระแสของทุนเห็นแก่ตัว

พอแล้วรวย ฟุตบอลโลก
อีกกระแสของทุนเห็นแก่ตัว





คมชัดลึก : ช่วงกลางเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ปีนี้ก็เป็นอีกวาระหนึ่งที่คอบอลจะอดหลับอดนอน ยอมเสียสุขภาพ เพื่อถ่างตาดูแมทช์สำคัญ ออกแรงเชียร์ทีมในดวงใจอย่างเอาเป็นเอาตาย ในศึกฟุตบอลโลกซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศแอฟริกาใต้








 เป็นที่รู้กันโดยไม่ต้องหาหลักฐานว่าเงินสะพัดจากโต๊ะพนันบอลอาจถึงระดับหลายพันล้านหรือเฉียดหมื่นล้าน  สินค้าแบรนด์เนมชนิดต่างๆ ร่วมโหนกระแสบอลโลกฟีเวอร์ในการโปรโมทสินค้าตนเอง ทั้งแจกตั๋วเครื่องบินไปชมแมทช์สำคัญๆ แจกของที่ระลึกสัญลักษณ์บอลโลก ร้านค้า ร้านอาหารจัดเตรียมที่ทางสำหรับการเชียร์บอลแบบเรียกว่าเอาใจลูกค้ากันสุดๆ
 ท่ามกลางความรู้สึกของคนดูบอลที่คิดว่าเป็นสิทธิส่วนตัวของแต่ละคนที่ได้เชียร์บอลโลก ซึ่ง 4 ปี จะเวียนมาหนึ่งครั้งแบบฟรี ไม่มีอะไรมาติดขัด แต่แล้วบางคนก็ต้องผิดหวัง เพราะบางสถานที่ “จอมืด” สาเหตุคือไม่ได้จ่ายตังค์
 “there is no free lunch” (ไม่มีอะไรฟรีในโลก) คือคติของโลกทุนนิยม บอลโลกถูกทำให้เป็น “สินค้า” ราคาหลายหมื่นล้าน ด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า เฉพาะผู้จ่ายสตางค์เท่านั้นที่จะได้รับรหัส ได้รับสิทธิ์ในการชม นอกจากเงินที่จะได้จากการถ่ายทอด ยังมีค่าโฆษณามูลค่ามหาศาล และรายได้จากสินค้าลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกอีกมากมาย
 ด้วยเหตุที่ฟุตบอลโลกพัวพันกับผลประโยชน์ประมาณค่าไม่ได้ คนทั้งโลกจึงถูกปลุกให้เข้าในกระแสเหมือนต้อง “มนต์สะกด” อย่างไม่รู้ตัว ให้ต้องเสียเวลา เสียสุขภาพ เสียเงิน ซ้ำร้ายหลายคนต้องเสียอนาคตหาก "ผีพนัน” เข้าสิง
 หลายประเทศทำให้การพนันฟุตบอลโลกเป็นเรื่องถูกกฎหมาย เพราะรัฐเองก็ได้ประโยชน์จากภาษีของเหล่าผีพนันไม่น้อย ฟุตบอลโลกในปรากฏการณ์ปัจจุบัน จึงไม่ใช่เป็นกีฬาที่อิงความหมายของกีฬาที่แท้จริงอีกต่อไป แต่เป็นตัวอย่าง “ทุนนิยมเห็นแก่ตัว” เต็มรูปของจริงที่สัมผัสได้ นักกีฬากลายเป็นสินค้าที่ซื้อขายได้ด้วยค่าตัวระดับร้อยล้านพันล้านบาท ค่ายฟุตบอลเข้าไปในตลาดหลักทรัพย์ มีการซื้อขาย ปั่นหุ้นกันได้
 ในโลกของทุนนิยมอย่าง อังกฤษ อเมริกา จะพบกับคนที่ไร้ค่า เร่ร่อน ไม่มีบ้านจะซุกหัวนอน ขณะที่ซูเปอรสตาร์ฟุตบอลโลกอย่าง โรนัลโด้ กลับมีค่าตัวหลายร้อยล้าน นี่คือตัวอย่างของ “สองมาตรฐาน” ของจริง!
 อาจารย์ยักษ์อดรู้สึกหดหู่ใจไม่ได้ว่า ในยามที่โลกกำลังวิกฤติสุดๆ โลกกำลังจะเข้าสู่กลียุคเพราะขาดน้ำ ขาดอาหาร ผู้คนแย่งชิง ฆ่าฟันกัน แทนที่โลกจะทุ่มเงินอย่างที่ทุ่มให้บอลโลกมาใช้ในการสร้างกระแสให้เท่ากับกระแสบอลโลก ปลุกผู้คนให้ “ต้องมนต์สะกด” ยอมเสียเงิน เสียเวลา เสียสุขภาพเท่ากับที่ยอมในบอลโลก มาช่วยกันเยียวยาโลก หากเป็นเช่นนี้ได้ โลกก็น่าจะ “ดีขึ้นทันตา” ภายในหนึ่งเดือนเท่ากับเวลาบอลโลกเลยทีเดียว
 ท่ามกลางข่าวบอลโลก ข่าวแผ่นดินไหวใน จ.กาญจนบุรี ห่างเขื่อนศรีนครินทร์ไปราว 20 กิโลเมตร คงจะเป็นข่าวที่ไม่มีใครสนใจสักเท่าไหร่ ข่าวน้ำแห้งในเขื่อนแทบจะทุกเขื่อนของไทยก็เป็นเพียงข่าวที่ “รายงาน” ให้ทราบ ไม่ยิ่งใหญ่ ไม่ตื่นเต้นเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนเสียสุขภาพ เสียเงิน เสียเวลาออกมาทำอะไรสักอย่าง แม้จะตระหนักแล้วว่า “ความมีสาระ” นั้นอยู่คู่กับคนส่วนน้อย แต่ “ความไร้สาระ” นั้นมักอยู่คู่กับคนส่วนใหญ่ และเมื่อภัยมาถึง ก็จะมีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่อยู่รอด คนส่วนใหญ่จะเดือดร้อน ยากเข็ญ
 อาจารย์ยักษ์อดเศร้าสลดใจไม่ได้ว่า ภยันตรายที่อยู่ปลายจมูกนั้นมันชัดแจ้ง แต่มนุษย์เรากลับไม่ยอมสละทรัพย์เพื่อช่วยให้ตัวเองรอด ตัวอย่างดูได้จากการประชุมผู้นำโลกที่กรุงโคเปนเฮเกน ธันวาคมเมื่อปีที่แล้ว ที่ผู้นำโลกตกลงกันไม่ได้ เกี่ยงกันว่าจะเอาอย่างไร ใครจะทำก่อน แต่กับเรื่องไร้สาระอย่างฟุตบอลโลกที่ถ้าไม่มี ก็ไม่ได้ทำให้มนุษย์ต้องล้มประดาตาย กลับมีเงินหมื่นๆ ล้านทุ่มเทให้ ปลุกคนทั้งโลกให้ “บ้า” กันได้
 จึงไม่แปลกใจว่า อนาคตกาล หากจะมีใครขนามนามยุคของมนุษย์ศตวรรษนี้ ก็คงเข้าใจได้ว่า ทำไมมนุษย์ยุคเราจึงชื่อว่า “ยุคแห่งความโง่เขลา”
"อาจารย์ยักษ์ ณ มหาลัยคอกหมู"










NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive