แนะทำวิจัยร่วมกันเพื่อก้าวทันอาเซียน
ในอีก 2 ปีข้างหน้า ปี 2558 ที่จะมาถึง ประเทศไทยและเพื่อนบ้านอีก 9 ประเทศ จะก้าวสู่การเป็น "อาเซียนหนึ่งเดียว" กันแล้ว ทำให้ทุกหน่วยงานได้เตรียมความพร้อมเพื่อจะเข้าสู่อาเซียนอย่างเต็มภาคภูมิ โดยเฉพาะบรรดาสถาบันการศึกษาที่จะเป็นเบ้าหลอมบัณฑิตและเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ต่างเตรียมพร้อมเพื่อจะให้บัณฑิตของตนเองที่จบออกไปมีคุณภาพที่สุด
ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) แม้เป็นมหาวิทยาลัยท้องถิ่น "ไกลปืนเที่ยง" แต่จะว่าไปแล้ว มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็มีจำนวนนักศึกษามากไม่แพ้สถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ แต่ละปีมีบัณฑิตที่ผลิตและส่งออกไปสู่ตลาดแรงงานเป็นจำนวนมากไม่ต่ำกว่าปีละ 1 หมื่นคน และที่นี่ก็ได้เตรียมพร้อมเพื่อก้าวสู่อาเซียนมากไม่แพ้สถาบันอื่น ทั้งเรื่องการจัดการเรียนการสอน หลักสูตรอาเซียนศึกษาที่มีห้องเรียนอาเซียนให้นักศึกษาจากทุกประเทศในภูมิภาคมานั่งเรียนเรื่องราวเดียวกัน ครูผู้สอนคนเดียวกัน รวมไปถึงการประเมินคุณภาพการเรียนรู้ด้วยการสอบภาษาอังกฤษก่อนจะจบออกเป็นบัณฑิตด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น "ศุภชัย สมัปปิโต" อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม คนหนุ่มไฟแรงที่เหลือเวลาอยู่ในตำแหน่งอีกไม่มากนัก มองว่า การจะพร้อมเข้าสู่อาเซียนได้ไม่ใช่แค่พูดภาษาอังกฤษได้ หรือการเรียนภาษาอาเซียนเท่านั้น แต่การพร้อมนั่นหมายถึง การรู้เขารู้เราอย่างแท้จริงด้วยการทำงานวิจัยร่วมกัน
"ในอนาคตอาเซียนจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัย ถึงแม้ว่าในอาเซียนเรื่องการโอนย้าย การถ่ายเทแรงงานจากประเทศใดประเทศหนึ่งมองว่าจะเป็นจริงในบางอาชีพ แต่ไม่ใช่ทุกอาชีพ ประเทศไทยอาจจะขาดแคลนฝีมือแรงงานขั้นต่ำหรือแรงงานฝีมือไม่มีปริญญา ซึ่งตรงนี้เป็นจุดอ่อนของการศึกษาในประเทศไทยที่ไม่มีคนเรียนอาชีวะ แต่หันไปเรียนแต่สายปริญญา จบปริญญาไปก็ไม่รู้จะไปทำอะไร อันนี้ก็คือจุดอ่อนของการบริหารจัดการของประเทศไทย ขณะเดียวกันทางฝ่ายอาชีวะผลิตแรงงานที่มีฝีมือในการทำงานเป็น แต่อาชีวะก็มีจุดอ่อนตรงไม่มีครู ไม่มีครุภัณฑ์" อธิการบดี มมส.บอกถึงการก้าวสู่อาเซียน ในทัศนะของเขา
ศุภชัย ยังเพิ่มเติมด้วยว่า ในมุมมองการเคลื่อนย้ายแรงงาน อาเซียนในอนาคตในบางสาขาอาชีพอาจจะมีปัญหาอุปสรรค เช่น อาชีพที่ต้องใช้ภาษา สังเกตว่า แม้แต่โรงแรมที่อยู่รอบตัวเราเป็นโรงแรมเล็กๆ แต่รีเซฟชั่นที่เป็นพนักงานต้อนรับด้านหน้า ยังต้องใช้แรงงานจากเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์ เพราะคนไทยทำไม่ได้ มีปัญหาเรื่องภาษา คนไทยต้องไปทำอย่างอื่น อย่างเป็นคนดูแลห้อง พนักงานเสิร์ฟ ซึ่งระดับแรงงานก็ต่ำลงไป อันนี้คือจุดอ่อนเราต้องเสริมเรื่องภาษาอังกฤษ แต่ภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด
"ทางตะวันออกกลางเอง เขาให้เงินเดือนหนึ่งแสนสำหรับพยาบาลที่จะไปดูแลคนของเขา แต่ปัญหาคือ เราเองผลิตพยาบาลออกมาไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะในประเทศไทยเราเองพยาบาลก็ไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นเปิดอาเซียนก็มีบางอาชีพเท่านั้นที่จะไปสู่อาเซียนได้ หวังว่าอาเซียนก็เป็นอีกหนึ่งตัวกระตุ้น แต่ว่าเป้าหมายจริงๆ ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคามต้องการคือ ยกระดับมหาวิทยาลัยให้เป็นที่ยอมรับของสากล
ซึ่งตอนนี้วิธีการประเมินของเราก็คือ เรากำลังอยู่ในช่วงของการให้องค์กรระดับนานาชาติ TF มาประเมินศักยภาพของมหาวิทยาลัย คือการประเมินพบว่า ยังไม่ดีมีจุดอ่อนในหลายๆ เรื่องจุดอ่อนแรกก็คือ เรายังไม่มีอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมาสอน สองเรายังไม่มีบริษัทยักษ์ใหญ่ในอาเซียนหรือในเอเชียมาจ้างนิสิตของเราไปทำงาน ซึ่งถ้าจะยกระดับมหาวิทยาลัยให้เป็นที่ยอมรับเราต้องทำในส่วนนี้ก่อน" ศุภชัย บอก
ส่วนการรองรับของมหาวิทยาลัยนั้น ศุภชัย บอกว่า มหาวิทยาลัยมีการเปิดห้องเรียนอาเซียน ซึ่งเป็นแนวคิดที่จะดึงนักศึกษาของอาเซียนมาเรียน แต่มันก็เป็นจุดอ่อนมากพอสมควร เพราะคนที่มาจากต่างประเทศจะต้องมาเรียนร่วมกันภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดอาจทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการสอนลดลง จริงๆ แล้วการเข้าสู่อาเซียนเป็นเรื่องของประสบการณ์ เพราะว่าในเวลานี้คนที่อยากเรียนประเทศไทยมีน้อย เพื่อนบ้านเราเองจะมีสักกี่คนที่อยากมาเรียนในเมืองไทย หากเขาจะมาก็คือจะต้องมาแบบมีข้อแลกเปลี่ยน คือเราให้ทุน เราช่วยเหลือ แต่หากเขามีทางเลือก การเข้ามาเรียนในไทยก็เป็นทางเลือกสุดท้าย
“ความจริงแล้ว ที่จะทำให้อาเซียนสัมฤทธิ์ผลได้คือ เรื่องของการทำวิจัยร่วมกัน จะได้รู้เขารู้เรามีการแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน เพราะการที่รู้เขารู้เรามันอาจจะทำให้เราและเขาอยู่ร่วมกันได้ และเราต้องปรับทัศนคติในเรื่องประวัติศาสตร์ เรื่องของความขัดแย้ง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเรื่องเหตุผล เพราะว่ายุคสมัยนี้เป็นสังคมที่ไม่มีใครยอมใคร ถึงเขาเป็นประเทศเล็กๆ ถ้าเราลดเรื่องทิฐิตรงนี้ความสัมพันธ์เรื่องอื่นมันก็จะดีขึ้น การทำมาค้าขาย การร่วมมือทางเศรษฐกิจจะดี การไปมาหาสู่ก็จะง่ายขึ้น นั่นคือการเข้าสู่อาเซียนอย่างแท้จริง” อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าว
---------------------
('ศุภชัย สมัปปิโต' แนะทำวิจัยร่วมกันเพื่อก้าวทันอาเซียน : ปัญญาพร สายทอง ... เรื่อง / เสาวนีย์ วิชิต ... ภาพ)
Sunday, January 13, 2013
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
Blog Archive
-
▼
2013
(252)
- ► 04/21 - 04/28 (12)
- ► 04/14 - 04/21 (9)
- ► 04/07 - 04/14 (21)
- ► 03/31 - 04/07 (21)
- ► 03/24 - 03/31 (18)
- ► 03/10 - 03/17 (12)
- ► 03/03 - 03/10 (18)
- ► 02/24 - 03/03 (21)
- ► 02/17 - 02/24 (21)
- ► 02/10 - 02/17 (9)
- ► 02/03 - 02/10 (27)
- ► 01/27 - 02/03 (18)
- ► 01/20 - 01/27 (21)
-
▼
01/13 - 01/20
(12)
- ข้าวโพดช่วยทานตะวันลดวัชพืช
- อันตราย!ยานอนหลับชนิดใหม่กินถึงตาย
- มทร.พระนครม.ชั้นนำแห่งโลกอาชีพ
- สธ.เล็งสั่งวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปี56เร็วขึ้น
- เปิดม่านการศึกษา : 16 ม.ค.56
- สวัสดิภาพคุณภาพการศึกษาของขวัญครู
- เจ๊าะแจ๊ะวิทยาศาสตร์ : ทำไมเราแพ้ท้อง
- แรงงานปรับตัวกลับถิ่นเกิด
- เปิดม่านการศึกษา : 15 ม.ค.56
- มทร.ธัญบุรีเปิดบ้าน สร้างงานสู่สังคม
- แนะทำวิจัยร่วมกันเพื่อก้าวทันอาเซียน
- เจ๊าะแจ๊ะวิทยาศาสตร์ : ทำไมเราแพ้ท้อง
- ► 01/06 - 01/13 (12)
-
►
2012
(129)
- ► 12/30 - 01/06 (21)
- ► 12/23 - 12/30 (6)
- ► 12/16 - 12/23 (15)
- ► 12/09 - 12/16 (10)
- ► 12/02 - 12/09 (21)
- ► 11/25 - 12/02 (16)
- ► 11/18 - 11/25 (13)
- ► 11/11 - 11/18 (7)
- ► 11/04 - 11/11 (12)
- ► 10/28 - 11/04 (4)
- ► 10/21 - 10/28 (4)
-
►
2010
(475)
- ► 06/13 - 06/20 (16)
- ► 05/30 - 06/06 (5)
- ► 05/23 - 05/30 (25)
- ► 05/16 - 05/23 (44)
- ► 05/09 - 05/16 (55)
- ► 05/02 - 05/09 (15)
- ► 04/25 - 05/02 (25)
- ► 04/18 - 04/25 (19)
- ► 04/11 - 04/18 (25)
- ► 04/04 - 04/11 (80)
- ► 03/28 - 04/04 (40)
- ► 03/14 - 03/21 (126)
No comments:
Post a Comment