Tuesday, December 11, 2012

ชี้ไทยศูนย์กลางค้างาช้างพบ 53 คดี ของกลาง 1 หมื่นกิโลกรัม

ชี้ไทยศูนย์กลางค้างาช้างพบ 53 คดี ของกลาง 1 หมื่นกิโลกรัม
องค์กรฐานข้อมูลการค้างาช้างและผลิตภัณฑ์จากช้างที่ผิดกฎหมาย จัดอันดับไทยและจีนเป็นศูนย์กลางค้างาช้าง กรมอุทยานฯ ประสานขอข้อมูลบุคคลผู้ถูกจับดำเนินคดีเพื่อเชื่อมโยงล้างขบวนการ...เมื่อเร็วๆ นี้ นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า องค์กรฐานข้อมูลการค้างาช้างและผลิตภัณฑ์จากช้างที่ผิดกฎหมาย (Elephant Trade Information System:ETIS) ภายใต้องค์กรเครือข่ายควบคุมการค้าสัตว์ป่า (TRAFFIC) ได้เผยแพร่ข้อมูลในที่ประชุมระดับนานาชาติว่า ประเทศไทยเป็นประเทศอันดับสูงสุดของโลกในเรื่องการเป็นศูนย์กลางการค้า และใช้ผลิตภัณฑ์จากงาช้างที่ผิดกฎหมาย ซึ่งมีเพียง 2 ประเทศในโลกคือจีนและไทย ทั้งนี้ การจัดอันดับขององค์กรฐานข้อมูลกรค้างาช้างฯ จะแบ่งกลุ่มประเทศต่างๆ โดยใช้สีเป็นสัญลักษณ์ สีเขียวคือประเทศผู้ส่งออก ได้แก่ เคนยา แทนซาเนีย และแอฟริกาใต้ สีน้ำเงินคือประเทศทางผ่านสินค้า ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย ฮ่องกง และฟิลิปปินส์ ส่วนสีแดงคือประเทศที่เป็นศูนย์กลางการค้าและใช้ผลิตภัณฑ์งาช้าง คือไทยและจีน นายธีรภัทร กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับการเตือนและจัดอันดับในลักษณะนี้มา 2 ปีแล้ว และเราก็ได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ แต่ล่าสุดก็ยังมีการจัดอันดับประเทศไทยไว้อีก โดยทางองค์กรฐานข้อมูลการค้างาช้างฯ อ้างว่าใช้ข้อมูลจากสถิติการจับกุม และของกลางที่จับได้ในแต่ละประเทศเป็นตัวชี้วัด โดยประเทศไทยยังถูกมองว่าเป็นแหล่งนำเข้าและแปรรูปผลิตภัณฑ์งาช้างด้วย ซึ่งล่าสุดประเทศไทยสามารถจับกุมการลักลอบค้างาช้างผิดกฎหมายได้ 53 คดี จำนวนงาช้างของกลาง 1 หมื่นกิโลกรัม ขณะที่จีนจับได้กว่า 2,008 คดี งาช้างของกลางจำนวน 2.8 หมื่นกิโลกรัม รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวต่อว่า การที่ปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมายไม่หมดไปนั้น เพราะความต้องการของประเทศปลายทางที่สำคัญคือประเทศจีนยังคงมีอยู่เพราะเป็นเรื่องของค่านิยมและความเชื่อ โดยจีนและญี่ปุ่นสามารถซื้อโควตาการนำเข้างาช้างจากประเทศในแอฟริกาได้ แม้ขณะนี้ประเทศในแอฟริกาไม่มีการอนุญาตให้ล่าช้างอย่างถูกกฎหมายแล้ว แต่ของกลางก็ยังมีอีกมาก และโควตาการนำเข้าก็ไม่พอกับความต้องการของประเทศปลายทางเหล่านี้ จึงมีการลักลอบล่าช้างเอางาเพื่อส่งออกมาขายยังประเทศปลายทางเหล่านี้อยู่เสมอและใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน“สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาต่อไป เร็วๆ นี้เราจะประสานขอข้อมูลบุคคลที่ถูกจับกุมดำเนินคดีเกี่ยวกับการลักลอบค้างาช้างและสัตว์ป่าผิดกฎหมายในกลุ่มประเทศอาเซียน รวมทั้งประเทศจีน เพื่อเชื่อมโยงขบวนการเหล่านี้ให้ได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็จะพบว่าขบวนการค้าสัตว์ผิดกฎหมายมีความเชื่อมโยงกับยาเสพติด โดยล่าสุดพบว่าขบวนการค้าสุนัขข้ามชาติเชื่อมโยงกับการค้าเฮโรอีนด้วย” นายธีรภัทร กล่าว.

No comments:

Post a Comment

Blog Archive