Thursday, November 22, 2012

นักวิชากชี้ถึงเวลายกเครื่อง พ.ร.บ.การศึกษา

นักวิชาการชี้ถึงเวลายกเครื่องพ.ร.บ.การศึกษา

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน 2555 เวลา 13:56 น.
วันนี้ ( 22 พ.ย.)  ศ.ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ คณบดีวิทยาลัยครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวในการประชุมเสวนาโต๊ะกลม เรื่อง “พรบ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 : ถึงเวลาแก้ไขได้หรือยัง”  ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์  ว่าที่ประชุมเห็นตรงกันว่า ถึงเวลาแล้วต้องแก้ไข พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542  อีกครั้ง เพราะโลกเปลี่ยนไปมาก แต่การศึกษาไทยยังตามไม่ทัน  นอกจากนี้เห็นว่าการปฏิบัติกันมาตามกฏหมายดังกล่าวก็ยังไม่ได้ผลหลายเรื่อง ขณะที่บางเรื่องควรยกเลิกได้บ้างแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการประเมินการศึกษา โดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ. )ที่เริ่มมานานและน่าจะเลิกได้แล้วเพราะเป็นภาระกับโรงเรียนและครูมาก  แต่ควรให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนประเมินให้มากขึ้น และควรเป็นเวลาของการนำผลประเมินไปปรับปรุงการศึกษาให้ดีขึ้น

ศ.ดร.ไพฑูรย์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนั้นที่ประชุมยังเห็นว่าเป้าหมายของการศึกษาตาม พ.ร.บ.ที่เน้นคุณภาพ  ประสิทธิภาพและการกระจายโอกาสยังไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง  จากผลการประเมิน คุณภาพของการศึกษากลุ่มต่างๆยังด้อยอยู่  มีปัญหาประสิทธิภาพมากโดยที่การศึกษาใช้เงินมากแต่ได้ผลน้อย  และการกระจายโอกาสยังไม่ดีเท่าที่ควร  รวมถึงการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นก็เดินไปได้ช้ามาก  ทั้งๆ ที่ท้องถิ่นมีความพร้อมขึ้นมากแล้ว  ส่วนเรื่องของครูแม้จะมี พ.ร.บ. เกี่ยวกับการศึกษาเพิ่มขึ้นอีก 2 ฉบับแต่วิชาชีพครูก็ไม่ดีขึ้นอย่างที่คาดหวังซ้ำยังมีปัญหาใหม่ๆ ขึ้นอีกมาก เช่นการแต่งตั้งโยกย้ายครู  การเลื่อนวิทยฐานะ  เป็นต้น  ส่วนของอุดมศึกษาเองแม้ พ.ร.บ. จะกล่าวไว้เพียงเล็กน้อยว่าให้มหาวิทยาลัยมีอิสระแต่กลับเป็นปัญหามากเช่น กัน เพราะแต่ละมหาวิทยาลัยเปิดหลักสูตรกันอย่างกว้างขวาง  และขาดการดูแลคุณภาพอย่างจริงจัง

"ที่ประชุมยังเห็นว่าปัญหาใหญ่ของการศึกษาในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาเกิดจากการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีศึกษาบ่อยเกินไปทำให้การดำเนินงาน ไม่ต่อเนื่อง  จึงอยากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการอยู่นานขึ้นหน่อย และควรหันมาสนใจการศึกษาอย่างจริงจัง และยังเสนอว่าอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมาเริ่มประเมิน พ.ร.บ.ศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 กันอย่างลึกซึ้ง จริงจัง และรอบด้านมากขึ้นและวางแนวทางเพื่อแก้ไขกันอย่างจริงจังด้วย”  ศ.ดร.ไพฑูรย์  กล่าว

No comments:

Post a Comment

Blog Archive